สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม 2565 ผู้เสียหายได้ใช้งานเฟซบุ๊กส่วนตัวแล้วได้พบกับข้อความเชิญชวนทำงานออนไลน์ จึงหลงเชื่อ โดยมีเนื้อหางานคือกดรับออเดอร์แล้วกดสั่งจ่ายให้กับร้านค้า แล้วจะได้รับค่าคอมมิชชั่นตามราคาสินค้านั้นๆ และได้รับโบนัส คนร้ายได้บอกให้โอนเงินเรื่อยๆ และจะได้ถอนเงินพร้อมเงินค่าคอมมิชชั่น โดยผู้เสียหายโอนไปทั้งหมด 93,012 บาท แต่เมื่อมียอดเงินมากขึ้นแต่ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ผู้กล่าวหาจึงเชื่อว่าถูกหลอก การกระทำของคนร้ายดังกล่าวทำให้ได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินกับเจ้าของบัญชี และบุคคลอื่นใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องจนกว่าจะถึงที่สุด
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, พ.ต.อ.คัมภีร์ พรหมสนธิ รอง ผบก.สอท.3 เร่งรัดปราบปรามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว เพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาขนจากการสูญเสียทรัพย์สินและตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ต่อมา กก.4 บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.อ.อรุณณพันธ์ วานิช์ชานันท์ ผกก.4 บก.สอท.3, พ.ต.ท.วริศพันธ์ เขมสิริเมธีกุล, พ.ต.ท.วินัย สุโขพืช, พ.ต.ท.ภูวสิษฐ์ เจริญธนะฐิติโชค รอง ผกก., พ.ต.ท.อโนทัย ดียิ่ง และ พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ สว. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.ปิยนุชฯ อายุ 19 ปี ซึ่งถูกออกหมายจับในคดีนี้ โดยศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น จึงทำการวางแผนเข้าจับกุม จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้บริเวณหน้าสนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 7 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของผู้ต้องหา
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงข้อหา ในความผิดฐาน“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3 มาดำเนินคดีได้ในที่สุด