❝...ล่าสุด กรณี ไฮโซ ขับรถหรูราคาสามสิบล้านไปเฉี่ยวชนแผงราวกั้นริมถนนจนไฟไหม้ทั้งคันที่ อ.ท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ปรากฏว่า ตำรวจไม่ได้ “สั่งให้เป่าทดสอบความเมาตามกฎหมาย” เช่นที่ได้ปฏิบัติกับประชาชนทั่วไปในขณะตั้งด่าน อีกทั้งยังได้มี ตำรวจผู้ไม่รู้กฎหมาย ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่า ไม่จำเป็นต้องทดสอบความเมาในกรณีนี้ เนื่องจากไม่มีคู่กรณีจากอุบัติเหตุแต่อย่างใด!❞
จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่เห็นมี “นายพลตำรวจระดับกองบังคับการ กองบัญชาการ หรือตำรวจแห่งชาติที่มีอยู่จำนวนมากมายคนใดออกมาให้สัมภาษณ์หรือ “ชี้แจงยืนยัน” ความเข้าใจในกฎหมายของตำรวจที่วิปริตเช่นนั้นกันแต่อย่างใด?..”
“…การสอบสวนที่สุดพิลึกพิลั่นของตำรวจผู้ใหญ่ใน ❝คดีบอส❞ ซึ่งจนกระทั่งป่านนี้ก็ไม่ยังมีข้อสรุปความผิดฐาน ❝ซ่องโจรพลตำรวจเอก❞ ที่สุมหัวกัน ❝เปลี่ยนความเร็วรถ❞ ส่งให้อัยการสั่งคดีใหม่แต่อย่างใด?
ผู้คนจึงพากันวิจารณ์ตำรวจไปต่างๆ นานา และพยายามช่วยกันหาพยานหลักฐานเกี่ยวกับ ❝สาเหตุการตกเรือ❞ ของ ❝น้องแตงโม❞ เท่าที่จะทำได้ นำไปออกรายการโทรทัศน์หรือเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์
โดยไม่ยอมส่งมอบให้ตำรวจผู้ใหญ่คนใดดูหรือแม้แต่ให้รู้!
เพราะไม่เชื่อใจในความสุจริตและประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจทุกหน่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ คนรวยตกเป็นผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัยในคดีอาญา
ปรากฏการณ์เช่นนี้ นับเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ประชาชนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีความคิดและทัศนคติต่อองค์กรตำรวจเช่นนั้น
เนื่องจากแต่ละคน โดยเฉพาะคนยากจน ต่างได้พบและมี ประสบการณ์ที่เลวร้าย กับการทำงานของตำรวจมากมาย โดยเฉพาะในปัญหาที่ร้ายแรงเรื่อง ❝ไม่รับคำร้องทุกข์!❞
❝รวมทั้งการสอบสวนในบางคดีก็วิปริตสุดบรรยาย!❞
อย่างรายล่าสุด กรณี ❝ไฮโซ❞ ขับรถหรูราคาสามสิบล้านไปเฉี่ยวชนแผงราวกั้นริมถนนจนไฟไหม้ทั้งคันที่ อ.ท้ายเหมือง จังหวัดพังงา
แต่ปรากฏว่า ตำรวจไม่ได้ “สั่งให้เป่าทดสอบความเมาตามกฎหมาย” เช่นที่ได้ปฏิบัติกับประชาชนทั่วไปในขณะตั้งด่าน ซ้ำไม่ได้มีพฤติการณ์ขับรถประมาทหรือเกิดอุบัติเหตุอะไรที่จะทำให้ตำรวจมีอำนาจ ‘สั่งให้เป่า’ เพื่อตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 142 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557 แต่อย่างใด?
อีกทั้งยังได้มีตำรวจผู้ไม่รู้กฎหมายออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่า ไม่จำเป็นต้องทดสอบความเมาในกรณีนี้ เนื่องจากไม่มีคู่กรณีจากอุบัติเหตุแต่อย่างใด!
ทำให้ประชาชนผู้ขับรถที่ถูกตำรวจสั่งให้ เป่าเมากันแทบทุกวันต่างพากันสงสัยว่า การไม่สั่งให้ผู้ขับรถที่เกิดอุบัติเหตุเป่าทดสอบความเมาโดยอ้างว่าไม่มีคู่กรณีอีกฝ่าย
เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่?….”
หลากหลายเรื่องราวของดคีที่เกิดขึ้นในไทยวันนี้ สะท้อนภาพความไม่เชื่อถือในงานสอบสวนของตำรวจมากขึ้น เหล่านี้เพราะอะไร พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองผู้บังคับการจเรตำรวจ ให้ความเห็นว่า
เหตุการณ์เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของน้องแตงโม ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจอย่างใหญ่หลวงทั้งของ เบิร์ดคนรัก และ เพื่อนพี่น้องนักแสดงดารา รวมทั้งประชาชนผู้รักและชื่นชมเธอเสมอมา
พฤติการณ์แห่งการตาย ของเธอ จนกระทั่งป่านนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน และเชื่อถือได้ว่า เธอตกจากเรือเร็วของกลุ่มเศรษฐีไป ตรงจุดไหนของเรือ ด้วยเหตุและลักษณะอาการอย่างใด?
รวมทั้ง วัตถุอะไรได้ทำให้เกิดบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณต้นขาขวาในเวลาที่เธอยังมีชีวิตและลมหายใจ รวมทั้งพยายามตะเกียกตะกายจนกระทั่งจมน้ำขาดอากาศหายใจตามรายงาน เหตุแห่งการตาย ที่ปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรศพ และแยกธาตุ ของเจ้าพนักงานรัฐ
การที่ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ จะสรุปว่า บาดแผลน่าจะเกิดจากโดนใบพัดหรือฟินเรือใต้น้ำ คงทำให้ ชาวเรือผู้มีประสบการณ์ รวมทั้งประชาชนผู้สนใจ เชื่อและยอมรับได้ยากอย่างยิ่ง!
เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่า ในความเป็นจริงแทบเป็นไม่ได้ เพราะ พลังน้ำช่วงท้ายเรือขณะวิ่งจะดันทุกสิ่งที่ตกลงไปในน้ำออกทั้งสองข้างตลอดเวลา
ปัญหา พฤติการณ์ที่ตาย ของเธอที่ไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนในเรื่องนี้ทำให้ผู้คนมีคำถามต่อการทำงานที่บกพร่องของตำรวจตั้งแต่แรกมากมาย
ตั้งแต่การ ไม่สั่งอายัดเรือเพื่อรักษาสภาพไว้ในทันทีที่เกิดเหตุ ปล่อยให้ผู้ต้องสงสัยนำไปเก็บไว้ในอู่อยู่หลายวัน ซ้ำยังได้แยกย้ายกันกลับบ้านไป!
รวมทั้งหลังพบศพได้มี “คำสั่งลึกลับของตำรวจผู้ใหญ่” ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร?
ให้เปลี่ยนสถานที่ส่งและตรวจศพจากสถาบันนิติเวช กระทรวงยุติธรรม โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ตามปกติ ซึ่งอยู่ในระบบที่เปิดเผยกว่า ไปเป็นสถาบันนิติเวชตำรวจที่ แม้แต่รายงานผลการตรวจชันสูตรศพก็ถือเป็นความลับราชการ แทน
ส่งผลทำให้ประชาชน ไม่เชื่อถือเชื่อมั่น
เนื่องจากส่วนหนึ่ง เสียขวัญ มาจาก การสอบสวนที่แสนพิลึกพิลั่นของตำรวจผู้ใหญ่ ใน “คดีบอส” ที่ยังไม่มีข้อสรุปความผิดฐาน “ซ่องโจรพลตำรวจเอก” ที่สุมหัวกันเปลี่ยนความเร็วรถจนกระทั่งป่านนี้!
ผู้คนจึงพากันวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจไปต่างๆ นานา และ พยายามช่วยกันหาพยานหลักฐานเกี่ยวกับสาเหตุการตกเรือของเธอเท่าที่จะทำได้ไปออกรายการโทรทัศน์รวมทั้งเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์
โดยไม่ยอมส่งมอบให้ตำรวจผู้ใหญ่คนใดดูหรือแม้แต่ให้รู้!
เพราะไม่เชื่อใจในความสุจริตและประสิทธิภาพ ในการทำงานของตำรวจทุกหน่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ คนรวยตกเป็นผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัยในคดีอาญา
ปรากฏการณ์เช่นนี้ นับเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ประชาชนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีความคิดและทัศนคติต่อองค์กรตำรวจเช่นนั้น
เนื่องจากแต่ละคน โดยเฉพาะคนยากจน ต่างได้พบและมี ประสบการณ์ที่เลวร้าย กับการทำงานของตำรวจมากมาย โดยเฉพาะในปัญหาที่ร้ายแรงเรื่องไม่รับคำร้องทุกข์!
รวมทั้ง การสอบสวนในบางคดีก็วิปริตสุดจะบรรยาย!
อย่างรายล่าสุด กรณี ไฮโซ ขับรถหรูราคาสามสิบล้านไปเฉี่ยวชนแผงราวกั้นริมถนนจนไฟไหม้ทั้งคันที่ อ.ท้ายเหมือง จังหวัดพังงา
แต่ปรากฏว่า ตำรวจไม่ได้ “สั่งให้เป่าทดสอบความเมาตามกฎหมาย” เช่นที่ได้ปฏิบัติกับประชาชนทั่วไปในขณะตั้งด่าน ซ้ำประชาชนคนยากจนไม่ได้มีพฤติการณ์ขับรถประมาทหรือเกิดอุบัติเหตุอะไร ที่จะทำให้ตำรวจ มีอำนาจสั่งให้เป่าเพื่อตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 142 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557 แต่อย่างใด?
อีกทั้งยังได้มี ตำรวจผู้ไม่รู้กฎหมาย ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่า ไม่จำเป็นต้องทดสอบความเมาในกรณีนี้ เนื่องจากไม่มีคู่กรณีจากอุบัติเหตุแต่อย่างใด!
ทำให้ประชาชนผู้ขับรถที่ถูกตำรวจสั่งให้ เป่าเมา กันแทบทุกวัน ต่างพากันสงสัยว่า การไม่สั่งให้ผู้ขับรถที่เกิดอุบัติเหตุเป่าทดสอบความเมาโดยอ้างว่าไม่มีคู่กรณีอีกฝ่าย
เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่?
แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่เห็นมี นายพลตำรวจระดับกองบังคับการ กองบัญชาการ หรือตำรวจแห่งชาติที่มีอยู่จำนวนมากมายคนใดออกมาให้สัมภาษณ์หรือ “ชี้แจงยืนยัน” ความเข้าใจในกฎหมายของตำรวจที่วิปริตเช่นนั้นกันแต่อย่างใด?.