วันนี้ (16พ.ค.67) ชุดคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่รับดำเนินการของเสียอันตรายเฉพาะกิจตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมจังหวัดจันทบุรี ซึ่งประกอบด้วย อุตสาหกรรมจังหวัด /กอ.รมน./ ตำรวจ / ศุลกากร / ทหาร / ไฟฟ้า / และตำรวจไซเบอร์ เข้าตรวจสอบโรงงานร้างเลขที่ 234/1 หมู่ 1 ตำบลทุ่งขนาน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี
.
โดยโรงงานดังกล่าว เป็นโรงงานร้าง เคยประกอบกิจการแปรรูปชีวมวล มีนายนิชัย สุธรรมรักษ์ ผู้ดูแลโรงงาน และนำพาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจุดต่างๆ ภายในโรงงาน โดยก่อนการเข้าตรวจสอบ เจ้าของโรงงานได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ และขอให้จำกัดจำนวนผู้ที่จะเข้าไปตรวจสอบ หน่ยงงานละ 1 -2 คน และขอให้ตรวจสอบที่ละจุด
.
ทางด้านรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ชี้แจงว่า การเข้าตรวจสอบโรงงานในครั้งนี้ื เป็นไปตามนโยบายของจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา เพื่อตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งเรื่องสารเคมี วัตถุไวไฟ และสิ่งกฏหมายต่างๆ แต่เมื่อมาตรวจสอบที่โรงงานแห่งนี้ กลับพบอุปกรณ์การขุดบิทคอย หลายร้อยตัว จึงได้ประสานให้การไฟฟ้าเข้ามาตรวจสอบตั้งแต่เมื่อวานนี้ และปรากฏว่ามีความผิดปกติของการใช้ไฟฟ้า
.
โดยจุดแรก คณะทั้งหมด ได้เข้าตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้า ที่ต่อเข้ามาภายในโรงงาน ซึ่งพบการซ็อตเทริน์ หรือ การต่อวงจรให้มิเตอร์อ่านค่าผิดปกติจากเดิม การกระทำในลักษณะนี้ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการดัดแปลง ซึ่งถือว่ามีความผิด มีโทษปรับ 390,000 บาท และถูกเก็บค่าไฟย้อนหลังอีกด้วย
.
จากนั้น ได้เข้าไปตรวจสอบจุดที่สอง ซึ่งอยู่ชั้นสองของโรงงาน พบอุปกรณ์การขุดบิทคอย 130 เครื่อง โดยปลั๊กถูกถอดออกจากเครื่องแล้ว
.
จากนั้นตรวจสอบจุดที่ 3 ซึ่งอยู่ชั้นล่าง พบอุปกรณ์ขุดบิทคอยอีก 80 เครื่อง ซึ่งทั้งหมดยังสามารถใช้งานได้
.
และจุดสุดท้าย ตรวจสอบรถยนต์แวน สีขาว หมายเลข 1ขร 3363 กทม. ซึ่งภายในรถ พบเครื่องขุดบิทคอยอีก 30 เครื่อง ที่ถูกถอดออกมาซุกซ่อนไว้ ตำรวจจึงตรวจสอบไฃยึดไว้ เพื่อให้เจ้าของนำเอกสารและหลักฐานมาชี้แจง
.
ขณะที่โดยเจ้าของโรงงานอ้างว่า เครื่องขุดบิทคอยทั้งหมด ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีเอกสารหลักฐานการซืัอขาย
.
พ.ต.อ.อรรถพงษ์ สุนทรวิภาค รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี หัวหน้าชุดตรวจสอบโรงงาน กล่าวว่า การตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของจังหวัด และรัฐบาล ในการป้องกันการลักลอบขนย้าย สารเคมีอันตราย และวัตถุไฟฟ้า และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ และเมื่อตรวจสอบโรงงานแห่งนี้ ซึ่งเป็นแห่งสุดท้าย พบว่ามีการทำเหมืองขุดบิทคอย จึงแจ้งให้การไฟฟ้าเข้ามาตรวจสอบ และพบการกระทำผิดจริงๆ โดยการดัดแปลงมิเตอร์ เพื่อให้เสียค่าไฟฟ้าน้อยลง โดยขั้นตอนต่อจากนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสอยดาว จะปรับเป็นเงิน 390,000 บาท และคิดค่าไฟย้อนหลัง ส่วนเครื่องบิทคอยที่ตรวจยึดไว้ หากเจ้าของโรงงานมีเอกสารการซื้อขายที่ถูกต้อง ก็สามารถนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
.
ทางด้านผู้จัดการการไฟฟ้าสอยดาว กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้ ขอใข้ไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2558 แต่พบว่ามีการใช้ไฟฟ้าที่สูงตั้งแต่ปี 2564 โดยมีการเสียค่าไฟเฉลี่ย 1-2 หมื่นบาท/เดือน จากนั้นปี 2565 มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น บางเดือน สูงถึง 130,000 บาท และค่อยๆ ลดลงอย่างช้า ซึ่งถือว่าผิดปกติ และเป็นวิธีการที่ค่อนข้างซับซ้อน ทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความผิดปกติยากลำบาก