วันที่ 17 พ.ค.67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พหลโยธิน จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พาผู้เสียหายเข้าพบ พงส.กก.2 บก.ป.ช่วยหลัง โดนทอมคู่ขาที่เป็นหุ้นส่วนยึดบริษัททัวร์ แจ้งความทัองที่แต่คดีไม่คืบ
น.ส.อารีย์ สงวนนามสกุล อายุ 42 ปี ผู้เสียหาย พร้อมนายศรัณย์ บ่อหนา ทนายความ เปิดเผยว่า ตนร่วมลงทุนกับ น.ส.เอ ซึ่งเป็นทอม ที่มีความสัมพันธ์คบหาสนิทกันเปิดบริษัททัวร์ส่งคนที่เที่ยวต่างประเทศแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในอำเภอบางใหญ่ นนทบุรี ทำร่วมกันมานาน 10 ปี
มาทราบภายหลังพบว่าเขาไปจดทะเบียนเป็นชื่อของเขาคนเดียวแทนที่จะเป็นคนละ 50%
ต้นปีที่ผ่านมาเริ่มมีปัญหาตนต้องเข้าผ่าตัดรักษาตัวที่ รพ. ส่วนทอมคนนี้แอบไปคบคนอื่น เมื่อตนกลับมาทำงานที่บริษัทได้ถูกทอมไล่ออกจากบริษัท แถมยึดทรัพย์สินส่วนตัวหลายรายการมูลค่าร่วม 1 ล้านบาท ไล่ตนไม่ให้เข้าไปทำงานอีก
จึงไปแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ เมื่อ ก.พ.ดำเนินคดีกับทอม ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว แต่คดีล่าช้า
ซึ่งทางทอมคู่กรณีชอบข่มขู่ อ้างว่า เคยทำงานสำนักงานทนายความ มีทนายความเก่งๆทนายดัง เขารู้กฎหมายดีกว่าเรา และไม่ทราบว่าเขามีนายตำรวจหรือคนใหญ่คนโตเป็นแบ็กให้เขา เพราะเขาบอกว่า ไม่ต้องไปแจ้งความให้เสียเวลา ไม่ต้องจ้างทนายให้เสียเงิน ไม่มีใครช่วยเธอหรอก คดีแบบนี้ไม่มีตำรวจคนไหนทำให้หรอก และถ้าเธอไปอยู่กับใคร คนนั้นก็จะเดือดร้อนไปด้วย จะทำลายเราให้ถึงที่สุด ไม่ให้มีที่ยืนในสังคม ซึ่งเราเป็นผู้หญิง ไปไหนมาไหนคนเดียว รู้สึกไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน หวาดกลัวไปหมด
ล่าสุดทราบว่าเขาไปเปิดบริษัททัวร์ใหม่ในนามของเขาคนเดียวโดยใช้สำนักงานเดิม
นายศรัณย์ ทนายความ กล่าวว่า สอบถามทางตำรวจท้องที่แจ้งว่าได้ออกหมายเรียกไป 1 ครั้ง แต่คู่กรณีไม่มาพบ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ประสานไปทางพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ ให้เร่งรัดติดตามคู่กรณีมาดำเนินคดีข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว พร้อมนัดผู้เสียหายมาพบเพื่อไปติดตามทรัพย์สินที่ถูกทอมอดีตคู่ขายึดไปกลับคืนมา









