“…“กฤษฎา ทนายปราบโกง” กัดไม่ปล่อย ลุยต่อร้อง “อนุทิน” สั่งย้าย ผวจ.โคราช ปกปิดข้อเท็จจริงและรายงานอันเป็นเท็จโดยมีเจตนาพิเศษต้องการช่วยเหลือโรงงานแป้งมันฯ ลักลอบปล่อยน้ำเน่าเสียทิ้งลงไปในที่ดินของ สปก.เกือบ 600 ไร่ สร้างความเดือนร้อนเสียหายให้แก่ประชาชนในพื้นที่นานร่วม 40 ปี…”
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 มิ.ย.67 ที่ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา อินทามระ เจ้าของฉายา “ทนายปราบโกง” ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่รัฐหลายรายในจังหวัดนครราชสีมา ที่มีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์ให้โรงงานแป้งมันสำปะหลังที่มีกำลังการผลิตสูงเป็นหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการลักลอบปล่อยน้ำเน่าเสียทิ้งลงไปในที่ดินของ สปก.เกือบ 600 ไร่ ในตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
จากเหตุการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2567 เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางหลายหน่วยงานได้ระดมสรรพกำลังเข้าจับกุมเจ้าหน้ารัฐและเอกชนหลายรายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการยึดครองที่ดินของ สปก.ไปโดยมิชอบ ซ้ำยังสร้างความเดือนร้อนเสียหายให้แก่ประชาชนในพื้นที่ด้วยการปล่อยน้ำเน่าเสียลงไปในที่ดินของ สปก.มาเป็นเวลานานร่วม 40 ปี ตามที่เป็นข่าวครึกโครมไปแล้วนั้น
นายกฤษฎา กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ตนได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง โรงงานแป้งมันสำปะหลังปล่อยน้ำเน่าเสียลงบนที่ดินของ สปก. ต่อมาวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา กลับมีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงมายังตนในทำนองว่า
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า บริษัทฯ ไม่มีการระบายน้ำออกนอกบริเวณโรงงานตามที่สั่งการไว้แล้ว และได้กำชับให้ประกอบกิจการให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาตอย่างเคร่งครัดต่อไป และต่อมา ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้มีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงมายังตนอีกในทำนองว่า เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 พนักงานเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามการปฎิบัติตามคำสั่ง พบว่า โรงงานได้หยุดระบายน้ำทิ้งออกนอกบริเวณโรงงาน รวมทั้งได้มีการปิดช่องทางระบายน้ำจำนวน 2 จุด ทั้งในด้านในและด้านนอกบริเวณโรงงานเรียบร้อยแล้ว
และเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 คณะผู้ตรวจสอบของจังหวัดนครราชสีมา นำโดยนายสุรพันธ์ ศิลปะสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าไม่มีการระบายน้ำออกนอกบริเวณโรงงานตามข้อสั่งการเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ คณะผู้ตรวจสอบได้กำชับให้ประกอบกิจการให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาต
ทนายกฤษา กล่าวอีกว่า การกระทำดังกล่าวของผู้ว่าราชการจังหวัด บ่งชี้ว่า มีการปกปิดข้อเท็จจริงและรายงานอันเป็นเท็จ โดยมีเจตนาพิเศษต้องการช่วยเหลือบริษัทฯ ไม่ต้องถูกดำเนินคดีแพ่งและอาญา และไม่ต้องปิดกิจการ แต่กลับสร้างความเดือดร้อนเสียหายด้วยการทิ้งน้ำเน่าเสียต่อไปได้โดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย โดยหลังจากที่มีการแถลงข่าวการจับกุมผู้กระทำความผิดแล้ว ต่อมาในวันที่ 22 มิถุนายน 2567 ผู้ว่าราชหารจังหวัดกลับให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการออก สปก. 4-01 เพราะเป็นหน้าที่ของปฎิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ขึ้นตรงกับกระทรวงเกษตรฯ โดยมีเจตนาให้สัมภาษณ์เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นหรือปิดบังข้อเท็จจริงเรื่องการปล่อยน้ำเน่าเสียลงไปในที่ดินของ สปก.เกือบ 600 ไร่ตามที่ตนได้ร้องเรียนไว้แล้วข้างต้น
การกระทำของผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าวถือเป็นปฎิปักษ์อย่างร้ายแรงต่อการทำหน้าที่ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดอาญาร้ายแรง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางหลายหน่วยงานก็กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน และสืบสวนสอบสวนขยายผลไปให้ถึงตัวผู้ร่วมขบวนการ ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนหลายราย ให้ได้รับโทษตามกฎหมายต่อไป
ในวันนี้ตนจึงต้องมาร้องขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณาออกคำสั่งโยกย้าย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ออกนอกพื้นที่เป็นการด่วนทันที
เบื้องต้น หัวหน้ากลุ่มงานร้องทุกข์ ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย รับหนังสือไว้เสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป
#สืบจากข่าว รายงาน