เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1943 ปฏิญญาไคโรถูกประกาศผ่านสถานีวิทยุ ระบุถึงเจตนารมณ์ของฝ่ายสัมพันธมิตร ที่ร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และ จีน โดยผู้นำทั้งสามประเทศ ร่วมกันประกาศ “ปฏิญญากรุงไคโร” ที่อียิปต์ เป็นเอกสารที่มีผลทางกฎหมายระหว่างประเทศ ระบุว่า ไต้หวันเป็นดินแดนของจีน การบุกรุกเข้าไต้หวันของญี่ปุ่นนั้นผิดกฎหมาย ซึ่งได้รับการยืนยันจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศตะวันตก
สาเหตุการเกิดขึ้นของปฏิญญาไคโร สืบเนื่องจากในปี ค.ศ. 1914 ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ญี่ปุ่นได้แย่งชิงหมู่เกาะทั้งหมดในมหาสมุทรแปซิฟิก และเข้ายึดครองดินแดนบางส่วนของจีน รวมทั้งเกาะฟอร์โมซา หรือ ไต้หวัน ปฏิญญาไคโร จึงกำหนดว่า เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุด จะต้องนำดินแดนกลับคืนสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน เช่นเดียวกับเอกสารของสหประชาชาติที่ระบุว่า “บทบัญญัติของปฏิญญาไคโรต้องได้รับการปฏิบัติ” ไต้หวันคือมณฑลหนึ่งของจีน
หวัง อี้ สมาชิกกรมการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เคยตอบคำถามเรื่องนี้ต่อสาธารณชนว่า ไต้หวันเป็นกิจการภายในของจีน 100% ไต้หวันไม่เคยมี และจะไม่มีวันเป็นประเทศ นี่เป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และเป็นมติของประชาคมระหว่างประเทศ เมื่อไต้หวันกลับคืนสู่อ้อมอกของมาตุภูมิ และสองฟากฝั่งของช่องแคบไต้หวันก็จะบรรลุการรวมประเทศอย่างแน่นอน นี่คือเจตจำนงอันแน่วแน่ของชาวจีน 1,400 ล้านคน
หวัง อี้ ชี้ให้เห็นว่า แนวโน้มทางประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความมั่นคงในช่องแคบไต้หวัน สอดคล้องผลประโยชน์ของทุกฝ่าย แต่กลุ่มอิทธิพล “เอกราชของไต้หวัน” บนเกาะนั้นเอง ที่บ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน “เอกราชของไต้หวัน” และ “สันติภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน” เข้ากันไม่ได้ เสมือนไฟกับน้ำ หากยึดมั่นในหลักการจีนเดียว เราควรสนับสนุนการรวมประเทศอย่างสันติของจีน หากต้องการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน เราต้องต่อต้าน “เอกราชของไต้หวัน” อย่างเด็ดเดี่ยว
หวัง อี้ สรุปว่า หลักการจีนเดียวมิอาจฝ่าฝืนได้ ในโลกนี้มีเพียงประเทศจีนเพียงประเทศเดียว และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน ไม่ว่าสถานการณ์บนเกาะไต้หวันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ความจริงข้อนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้