“…‘ชาญวิทย์’ ยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร ปมโดนกลุ่มชายแต่งกายคล้าย ‘นอกเครื่องแบบ’ คุกคามถึงที่พัก ด้าน ‘ก้าวไกล’ ร่วมสังเกตการณ์ใกล้ชิด…”
วันนี้ (4 เม.ย.) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ส.ส.ก้าวไกล เดินทางมาให้กำลังใจและร่วมสังเกตการณ์ กรณี ‘ชาญวิทย์ เกษตรศิริ’ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ยืนหนังสือต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ปมโดนกลุ่มชายนิรนาม 4 คน แต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องเเบบคุกคามถึงที่พัก ด้าน ‘อมรัตน์’ เปิดเผยว่า ต้องการให้ ผบ.ตร.เร่งตรวจสอบ เพราะเข้าข่ายละเมิดกฎหมายและคุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ส.ส.พรรคก้าวไกล เดินทางมาให้กำลังใจและร่วมสังเกตการณ์การยื่นหนังสือต่อ พลตำรวจเอก สุวัจน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีที่เกิดขึ้นได้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า แม้แต่ อาจารย์ชาญวิทย์ ซึ่งเป็นนักวิชาการที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง มีลูกศิษย์ลูกหาเคารพรักมากมาย และเคยเป็นอดีตอธิบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ยังถูกคุกคามจากบุคคลที่คาดว่าอาจเป็นเจ้าหน้าที่รัฐได้ จึงต้องการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำชี้แจงที่ชัดแจงในเรื่องนี้ให้กับประชาชน
“สิ่งที่น่ากังวลคือ สังคมจะชินชากับการที่รัฐบาลใช้กฎหมายเพื่อปิดปากผู้เห็นต่างทางการเมือง กรณีที่เกิดขึ้นกับอาจารย์ชาญวิทย์ เป็นเรื่องที่อุกอาจถึงขนาดเกิดขึ้นในที่พักที่เป็นคอนโดกลางเมืองหลวง เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากต่อสังคมไทย จึงขอให้เจ้าหน้าที่รัฐเร่งชี้เเจงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในฐานะที่เป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ มาแล้วกว่า 3 ปี ต้องบอกว่า เวลาที่คณะกรรมาธิการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาชี้เเจง เราไม่เคยได้ข้อสรุปสักครั้ง เเละไม่เคยได้รับการชี้แจงด้วยเหตุผลเลยว่า เหตุใดเจ้าที่รัฐต้องทำสิ่งที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายต่อหลายครั้ง”
.
ด้าน กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ให้รายละเอียดในคดีนี้ว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงวันที่ 22 มีนาคม 2565 ที่อาคารปิ่นเกล้าคอนโดมิเนียม ที่พักอาศัยของ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ จากภาพวงจรปิดปรากฎว่า มีชายฉกรรจ์ 4 คน ลักษณะเเต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องเเบบ บุกเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารว่า ชาญวิทย์ อยู่หรือไม่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้บอกว่า ไม่อยู่ เเต่ชายฉกรรจ์ยังคงขอให้พาขึ้นลิฟต์ไปหน้าห้องพัก พร้อมถ่ายภาพหน้าห้องพัก โดยชายกลุ่มนี้บอกต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงว่าเป็นตำรวจแต่ไม่บอกสังกัด และให้เหตุผลว่า มาติดตามความเคลื่อนไหวของ ชาญวิทย์ ในฐานะที่เคยเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง
“พฤติกรรมเช่นนี้เป็นการกระทบเทือนต่อคุณภาพชีวิต ละเมิดต่อกฎหมาย และละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นการคุกคามนายชาญวิทย์ ถึงยังบ้านพัก เราได้ทำหนังสือมาถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขอให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว หากพบว่ามีความผิดต้องเร่งดำเนินคดี เนื่องจากเป็นการข่มขู่คุกคามประชาชน บุกรุกเคหสถานเวลากลางวัน เเละอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157”
ชาญวิทย์ ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเฉพาะของตัวเอง เเต่ทำให้คิดถึงกลุ่มเยาวชนจำนวนมากที่เผชิญกับปัญหาความอยุติธรรมเช่นนี้ จึงอยู่นิ่งไม่ได้ เพราะกรณีแบบี้มีผลกระทบเกี่ยวกับคนจำนวนมาก เเละเกี่ยวกับปัญหาชาติบ้านเมือง ที่สำคัญคือเกี่ยวกับกระบวนการกฎหมายเจ้าหน้าที่รัฐ หลังจากนี้ต้องรอขั้นตอนเเละกระบวนการเเจ้งความของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
“กรณีนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย ในจังหวะบ้านเมืองปัจจุบันจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เเละวาระสุดท้ายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ควรอยู่นิ่งเฉย ควรเร่งตรวจสอบเเละชี้เเจงความกระจ่างต่อสังคม ยอมรับว่าหลังเกิดเหตุทำให้มีความกังวลในการเดินทางยามวิกาลเพียงลำพัง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจาก อมรัตน์ ยังมีกลุ่ม ส.ส.พรรคก้าวไกล เดินทางไปให้กำลังใจ ชาญวิทย์ พร้อมกันด้วย ได้แก่ ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.จังหวัดนครปฐมและโฆษกพรรคก้าวไกล ทั้งหมดได้ร่วมกันมอบช่อดอกไม้และติดเข็มกลัดช่อดอกไม้ที่หน้าอก พร้อมผลัดกล่าวให้กำลังใจแก่อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์