วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
หน้าแรกต่างประเทศจีนจริงหรือไม่? จีน..ไม่มา “ฮับอีวี” ไทยไม่เกิด

Related Posts

จริงหรือไม่? จีน..ไม่มา “ฮับอีวี” ไทยไม่เกิด

อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ซึ่งไทยครองฐานการผลิต “ฮับ” รถยนต์ระบบสันดาปของอาเซียน เพราะอานิสงส์การเข้ามาลงทุนของ “ญี่ปุ่น”

แต่วันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไป โลกเรียกร้องรถยนต์ไฟฟ้า หลายประเทศจึงแข่งขันกันเป็น “ฮับอีวี” อินโดนีเซีย มาเลเซีย ต่างแย่งชิงค่ายรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไปตั้งฐานการผลิต แม้กระทั่งเวียดนาม ยังหาญกล้าผลิตรถอีวีของตัวเอง ปั้นแบรนด์ “วินฟาสต์” จนโด่งดังทั่วโลก

ขณะที่รัฐบาลไทยไทย ประกาศเป้าหมายสำคัญคือ ประเทศไทยจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 ซึ่งหนึ่งในองคาพยพสำคัญ ที่จะทำให้ก้าวไปสู่เป้าหมายได้ก็คือ การมีส่วนแบ่งรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ อย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2030

ถามว่าถ้าจีนไม่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ไทยจะไปถึงเป้าหมายนั้นหรือเปล่า  เพราะต้องยอมรับว่า การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ 100 เปอร์เซ็นต์ เกือบทั้งหมดออกมาจากค่ายรถยนต์สัญชาติจีน และรถยนต์จีนทุกค่าย ที่เข้ามาสร้างโรงงาน ล้วนเชื่อมั่นว่าไทยจะเป็น “ฮับอีวี” ของภูมิภาค

ซึ่งการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในยุคเริ่มต้น เพราะต้องสร้างกระแสให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มผู้บริโภค ขณะที่ซัพพลายเชนในระบบยังมีน้อย อู่ซ่อมหายาก บริษัทประกันภัยรับประกันแบบมีเงื่อนไข แถมราคารถยนต์ก็ค่อนข้างสูง เนื่องจากดีมานด์น้อย ต้นทุนแพง ใครก็ไม่อยากลงทุน

แต่จีนกล้าลงทุน กล้าเข้ามาทำตลาด ท้าชนกับตลาดรถยนต์ระบบสันดาป จนกลายเป็นเบอร์ 1 ในยอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า  ท่ามกลางกระแสทั้งบวกและลบ

ด้านวัตถุดิบ ต้องยอมรับว่า ในช่วงเริ่มต้น ต้องนำชิ้นส่วนอุปกรณ์จากจีน เข้ามาประกอบในเมืองไทย เพราะชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศ ยังไม่รองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่ในอนาคตเมื่อซัพพลายเชนมีการปรับตัว การใช้วัตถุดิบในเมืองไทย ย่อมง่ายกว่าการนำเข้า

ขณะที่รัฐบาล ก็พยายามสร้างเงื่อนไข ให้ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ ด้วยการออกมาตรการ สิทธิประโยชน์ EV 3.0 ลดภาษีและให้เงินอุดหนุนกับค่ายรถยนต์ โดยกำหนดว่าจะต้องใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศ ภายในปี 69 รวมถึงต้องใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า ที่ผลิตในประเทศด้วย หรือสิทธิประโยชน์ EV 3.5 อุดหนุนการผลิตรถกระบะไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ด้วยการให้เงินอุดหนุน 100,000 บาท/คัน ตลอดระยะเวลา 4 ปี เฉพาะส่วนที่ผลิตในประเทศเท่านั้น

ในอนาคตอันใกล้ เชื่อว่าจะมีค่ายรถยนต์อีกหลายค่าย พาเหรดเข้ามาร่วมผลิตรถยนต์อีวีแข่งกับจีน ตามเทรนด์ยุคใหม่ ที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ นำพาประเทศไทย ก้าวไปสู่การเป็น “ฮับอีวี” ตามมุ่งหวัง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts