วันที่ 24 ก.ค.67 หลังจากที่นางวรีพร ประธานบริษัทฯ อุตสาหกรรมแป้งมันรายใหญ่ใน จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ที่ จ.29/2567 ลงวันที่ 18 ก.ค.2567 เข้ารับทราบข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจหน้าที่กระทำการทุจริต ,เป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” พร้อมเชิญตัวนายกวี กับ นางโชติมา คณะกรรมการบริหารของบริษัท มาทำการแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดเดียวกัน เมื่อวานนี้ ที่ สภ.โพธิ์กลาง ภ.จว.นครราชสีมา แล้วนั้น
ล่าสุด นายกฤษฎา อินทามระ ฉายาทนายปราบโกง ผู้ร้องให้ตำรวจ บก.ปปป. ตรวจสอบพฤติกรรมของ เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก จังหวัดนครราชสีมา และแจ้งความเอาผิดเจ้าของโรงงานแป้งมันฯ เตรียมที่จะร้องปลัดกระทรวง อุตสาหกรรม ในสัปดาห์หน้า ขอให้ใช้อำนาจ ตาม มาตรา37 และ มาตรา 39 พรบ.โรงงาน สั่งปิดโรงงานแป้งมันต้นตอปล่อยน้ำเสียลงที่ดิน สปก กว่า 600 ไร่ จนกว่าโรงงานฯ จะมีการแก้ไขปรับปรุงระบบการบำบัดน้ำเสียได้มาตราฐานก่อน
พ.ร.บ.โรงงาน มาตรา 37 ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ประกอบกิจการโรงงานผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือการประกอบกิจการโรงงานมีสภาพที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ความเสียหายหรือความเดือดร้อนแก่บุคคลหรือทรัพย์สินที่อยู่ในโรงงานหรือที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงงาน พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือแก้ไขหรือปรับปรุงหรือปฏิบัติให้ถูกต้องหรือเหมาะสมภายในระยะเวลาที่กำหนดได้
มาตรา 39 ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานใดจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงาน เจ้าหน้าที่ตามมาตรา 37 โดยไม่มีเหตุอันควรหรือในกรณีที่ปรากฏว่าการประกอบกิจการของโรงงานใด อาจจะก่อให้เกิดอันตราย ความเสียหายหรือความเดือดร้อนอย่างร้ายแรงแก่บุคคล หรือทรัพย์สินที่อยู่ใน โรงงานหรือที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงงานให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวง มอบหมายมีอำนาจสั่งให้ ผู้ประกอบกิจการโรงงานนั้นหยุดประกอบกิจการโรงงานทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราว และปรับปรุง แก้ไขโรงงานนั้นเสียใหม่หรือปฏิบัติให้ถูกต้องภายในระยะ เวลาที่กำหนด ถ้าผู้ประกอบกิจการโรงงานได้ปรับปรุงแก้ไขโรงงานหรือปฏิบัติให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่ กำหนดแล้ว ให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมายสั่งให้ประกอบกิจการโรงงานต่อไปได้ ถ้าผู้ประกอบกิจการโรงงานไม่ปรับปรุงแก้ไขโรงงานหรือไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง ภายในเวลาที่ กำหนด ให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมายมีอำนาจสั่งปิดโรงงานได้ และในกรณีที่เป็น โรงงานจำพวกที่ 3 ใหัคำสั่งปิดโรงงานดังกล่าวมีผลเป็นการเพิกถอนใบอนุญาตด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่ปิดประกาศคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการโรงงาน