“สีจิ้นผิง” โมเดล จาก “ทวิ” สู่ “พหุภาคี” การก้าวไปด้วยกันคือความสำเร็จแท้จริง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความสำเร็จทางเศรษฐกิจของจีน เป็นผลจากการมีผู้นำที่กล้าตัดสินใจ  อย่างประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ซึ่งเลือกแนวทางพัฒนาที่ต้องสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และบริบทของจีน ไม่หยุดนิ่งในการปรับเปลี่ยนโมเดล การพัฒนาเศรษฐกิจ ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม และบริบทที่เปลี่ยนไป

ในด้านการต่างประเทศ สีจิ้นผิงผลักดัน ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI) มาตั้งแต่ปี 2013 เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และสร้างแนวร่วม ในการสร้างขั้วโลกใหม่ เปิดโอกาสให้ทุกประเทศ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ได้ประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน

โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา สีจิ้นผิง เรียกร้องความพยายาม ร่วมกันสร้างประชาคมที่มีการพัฒนาร่วมกัน และรับรองว่าไม่มีประเทศใด ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ในกระบวนการสร้างความทันสมัยระดับโลก ยกระดับกระบอกเสียงของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ในกิจการระดับโลก สนับสนุนกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ในการบรรลุการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น ด้วยคำกล่าวสั้นๆแต่ได้ใจว่า “จีนเป็นและจะยังคงเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเสมอ”

สีจิ้นผิง เน้นย้ำว่า การแข่งขันของประเทศขนาดใหญ่ ไม่สะท้อนกระแสธารแห่งยุคสมัย และยังคงไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญได้ เราควรอยู่ร่วมกันอย่างสันติ สร้างความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ทุกฝ่าย ด้วยท่าทีที่มีเหตุผล และปฏิบัติได้จริง รวมถึงการทำงานในทิศทางเดียวกัน

ในการเจรจา “ทวิภาคี” ระหว่างจีนกับประเทศต่างๆ สีจิ้นผิง มักเอื้อนเอ่ยถึงความร่วมมือ ที่จะส่งมอบผลประโยชน์ แก่สองประเทศคู่เจรจา อย่างเท่าเทียม หนุนผลประโยชน์ซึ่งกัน เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงของโลก

การตอกย้ำ “ความเท่าเทียม” ของผู้นำจีน ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่น เพิ่มพูนความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไว้วางใจซึ่งกันและกัน รวมถึงสร้างผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ในความสัมพันธ์ดังกล่าว ผลักดันความสัมพันธ์ทั้งทวิภาคีและพหุภาคี ที่มีเสถียรภาพ จนครองใจผู้นำทั่วโลก