นายภาณุวัฒน์ ทองสุข ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ร้องรายหนึ่ง ระบุว่า องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแพ้วมีประกาศสรรหาบุคคลเข้าทำงานเป็นพนักงานจ้างทั่วไป ต่อมาหน่วยงานตรวจพบว่าผู้ร้องเคยต้องโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกจึงได้แนะนำให้ผู้ร้องลาออก และแจ้งว่าจะพิจารณาจ้างกลับมาทำงานในตำแหน่งพนักงานจ้างเหมาบริการแทน กสม. เห็นว่าประเด็นดังกล่าวอาจกระทบต่อเสรีภาพในการประกอบอาชีพตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 รับรองไว้ จึงมีมติให้จัดทำข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
กสม. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า เสรีภาพในการประกอบอาชีพของประชาชน ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) ที่ประเทศไทยเป็นภาคี ซึ่ง กสม. เคยมีรายงานผลการพิจารณาที่ 43/2555 เมื่อปี 2555 กรณีการกำหนดลักษณะต้องห้ามของบุคคลในการเข้ารับราชการให้คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้คณะกรรมการสรรหายกเว้นให้บุคคลที่เคยต้องโทษจำคุกเข้ารับการสรรหาได้เป็นรายกรณี ภายใต้หลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและเป็นธรรมเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือน ข้าราชการรัฐสภา และข้าราชการกรุงเทพมหานคร
จากการศึกษาและตรวจสอบพบว่า เมื่อปี 2564 คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล มีประกาศเรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเบื้องต้นสำหรับพนักงานส่วนตำบล พ.ศ. 2564 โดยกำหนดให้คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลสามารถใช้ดุลพินิจพิจารณาให้ผู้ขาดคุณสมบัติเพราะเคยต้องโทษจำคุกเข้ารับการสรรหาเป็นพนักงานส่วนตำบลได้เป็นรายกรณี
การที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแพ้วประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานจ้างเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 โดยกำหนดลักษณะต้องห้ามว่าต้องไม่เคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก โดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานจ้างส่วนตำบลจังหวัดสมุทรสาคร เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับพนักงานจ้าง ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2547 โดยไม่ได้กำหนดให้คณะกรรมการสรรหาใช้ดุลพินิจยกเว้นให้แก่ผู้สมัครที่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ประกอบกับประกาศดังกล่าวมีข้อความบางส่วนขาดหายไป จึงกระทบต่อเสรีภาพในการประกอบอาชีพของผู้สมัครที่เคยต้องโทษจำคุกเกินสมควร ส่งผลให้ไม่สามารถประกอบอาชีพในตำแหน่งพนักงานจ้างได้ ไม่เปิดโอกาสให้ผู้พ้นโทษทำประโยชน์แก่สังคม จึงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม ที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพันธกรณีระหว่างประเทศที่ได้รับรองไว้
ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อมอบหมายให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นสั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศตรวจสอบการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของพนักงานจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลให้ครบถ้วน และเป็นไปตามมาตรฐานกลางตามประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเบื้องต้นสำหรับพนักงานส่วนตำบล พ.ศ. 2564 และให้นำความเห็นและข้อเสนอแนะของ กสม. กรณีปัญหาพนักงานจ้างเหมาบริการในหน่วยงานของรัฐไม่ได้รับความเป็นธรรมในการปฏิบัติงานมาประกอบการพิจารณาดำเนินการด้านสิทธิประโยชน์ของพนักงานจ้างเหมาบริการ ในระหว่างการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน และสำนักงบประมาณต่อไป