กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย ก กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต. วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส.,พล.ต.ต. อริยพล สินสอน รอง ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส.
เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปทส. นำโดย พ.ต.อ.วิญญู แจ่มใส ผกก.2 บก.ปทส. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปกรษณ์เกียรติ พงษ์ธนนิกร รอง ผกก.2 บก.ปทส., พ.ต.ต.นัธทวัฒน์ สุรนารถ สว.กก.2 บก.ปทส., ร.ต.ท.ปิยะกมล แสงอร่าม รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปทส.,พร้อมข้าราชการตำรวจ กก.2 บก.ปทส.
พร้อมกับ เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม, เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษและเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี
สถานที่ตรวจค้น
1.ตามหมายค้น ศาลจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 107/2567 ที่ บริษัทรีไซเคิล หมู่ที่ 10 ตำบลศรีมหาโพธิ อ.ศรีมาหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
2.ตามหมายค้น ศาลจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 107/2567 ที่โกดังไม่มีเลขที่ หมู่ 10 ตำบลศรีมหาโพธิ อำเภอศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
3.ตามหมายค้น ศาลจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 107/2567 ที่โกดังไม่มีเลขที่ หมู่ 10 ตำบลศรีมหาโพธิ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี
4.ตามหมายค้น ศาลจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 107/2567 ที่โกดังไม่มีเลขที่ หมู่ 10 ตำบลศรีมหาโพธิ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี
พบการกระทำความผิด คำสั่งตามมาตรา 37 วรรคหนึ่ง ให้ระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2567 ได้มีเกิดเหตุมีควันสารเคมีที่ระเหยเกิดขึ้นที่โรงงาน ในชุมชนบ้านหนองหอย หมู่ 10 อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เป็นเหตุทำให้ประชาชนในพื้นที่ตกใจและหวาดกลัว จึงได้มีการเเจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจสอบ ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี จึงได้มีการออกคำสั่งตามมาตรา 37 วรรคหนึ่ง ให้ระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กก.2 บก.ปทส.) ได้รับแจ้งจากประชาชนว่าโรงงานดังกล่าวยังมีการลักลอบดำเนินกิจการอยู่ จึงลงพื้นที่สืบสวนพบว่ายังมีการลักลอบประกอบกิจการโรงงานอยู่ จึงรวบรวมพยานเอกสารขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรีและศาลจังหวัดปราจีนบุรีได้อนุมัติหมายค้นให้ค้นโกดังดังกล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม, เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ และเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี ได้นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นโกดังดังกล่าว ปรากฏเมื่อไปถึง ไม่พบผู้รับเป็นเจ้าของโรงงาน และไม่พบคนงาน จึงได้เชิญตัวแทนบริษัทนำตรวจค้น
ผลการตรวจค้นพบ
- พบกองเศษวัสดุประเภทโลหะ พลาสติก และวัสดุกากตะกอนที่ถูกคัดแยกเป็นกองโดยมีป้ายกำกับอยู่ภายในโรงงาน
- พบกองเศษวัสดุประเภทโลหะกองบนพื้นคอนกรีต มีลักษณะทั้งที่ถูกคัดแยกแล้วและยังไม่ถูกคัดแยก และพบเศษวัสดุที่อยู่ในถุงบิ๊กแบ็ก
- พบเครื่องจักรที่ใช้ในการคัดแยกมีสภาพถูกใช้งาน โดยที่โต๊ะสั่นแยก (shaking table) เปียกน้ำและมีเศษวัสดุตกอยู่บนพื้นในบริเวณใกล้เคียง
- พบหม้อแปลง ยี่ห้อ Thaipat รุ่น 1,000
- มีการติดตั้งเครื่องจักร รวมทั้งหมด 1,755.63 แรงม้า ประกอบด้วย
- รถโฟล์คลิฟท์ จำนวน 7 คัน รวมกำลังเครื่องจักร 365.95 แรงม้า
- เครื่องคัดขนาด จำนวน 6 เครื่อง รวมกำลังเครื่องจักร 95.71 แรงม้า
- เครื่องคัดขนาด จำนวน 1 เครื่อง รวมกำลังเครื่องจักร 19.44 แรงม้า
- เครื่องบดล้างพลาสติก จำนวน 6 เครื่อง รวมกำลังเครื่องจักร 442.36 แรงม้า
- เครื่องบด จำนวน 1 เครื่อง รวมกำลังเครื่องจักร 290.08 แรงม้า
- เครื่องคัดขนาด แบบ Rotary จำนวน 1 เครื่อง รวมกำลังเครื่องจักร 69.71 แรงม้า
- เครื่องคัดขนาด จำนวน 1 เครื่อง รวมกำลังเครื่องจักร 13.94 แรงม้า
- เครื่องคัดขนาด จำนวน 2 เครื่อง รวมกำลังเครื่องจักร 58.98 แรงม้า
- เครื่องคัดขนาด จำนวน 1 เครื่อง รวมกำลังเครื่องจักร 29.49 แรงม้า
- เครื่องบดย่อย จำนวน 1 เครื่อง รวมกำลังเครื่องจักร 270.78 แรงม้า
- เครื่องอัดโลหะ จำนวน 1 เครื่อง รวมกำลังเครื่องจักร 99.20 แรงม้า
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าโกดังดังกล่าวเคยถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรีเข้าตรวจสอบและมีการออกคำสั่งตามมาตรา 37 วรรคหนึ่ง ให้ระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 ซึ่งการฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว มีบทลงโทษตามมาตรา 57 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกินห้าพันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง ในส่วนของกลางที่ตรวจพบ เจ้าหน้าที่ได้มีการยึดอายัดวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ เครื่องจักร และเอกสาร ไว้เพื่อตรวจสอบ จะได้รวบรวมพยานหลักฐานนำมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีที่ กก.2 บก.ปทส. เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป