สืบเนื่องจากได้มีมิจฉาชีพส่ง SMS เข้าโทรศัพท์มือถือผู้เสียหาย อ้างว่าส่งมาจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แจ้งว่าผู้เสียหายว่ามีสิทธิได้รับเงินคืนค่า FT และให้กดลิงก์ที่แนบมาเพื่อขอเงินคืน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงกดเข้าไป ปรากฎเป็นบัญชีแอปพลิเคชัน Line ชื่อ “PEA THAILAND” และได้มีคนอ้างเป็นพนักงานการไฟฟ้าได้ขอภาพถ่ายเอกสารส่วนตัวต่างๆ ของผู้เสียหายเพื่อใช้ประกอบการลงทะเบียนขอรับเงินคืน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงส่งภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนให้ไป
จากนั้น มิจฉาชีพแจ้งว่าให้ลงทะเบียนในเว็บไซต์การไฟฟ้า (ของปลอม) ตามขั้นตอนที่แนะนำ จากนั้นได้มีข้อความปรากฎบนมือถือให้ผู้เสียหายกดยืนยันรหัส PIN เพื่อดาวโหลดขั้นตอน ผู้เสียหายจึงกดรหัสไป ซึ่งผู้เสียหายใช้เป็นรหัสเดียวกับรหัสโอนเงินของแอปธนาคาร ภายหลังพบว่าเงินในบัญชีธนาคารของผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายโอนเงินออกไปจนหมด รวมจำนวนเกือบ 2 ล้านบาท
ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญช ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนกรณีดังกล่าว โดย พ.ต.อ.สรกฤช พันธ์ศรี ผกก.3 บก.สอท.3 ได้นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวน จนเบื้องต้น สามารถขอออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารในการรับโอนทอดต่างจากผู้เสียหายได้ จำนวน 20 ราย
กระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.3 ได้ออกติดตามผู้ต้องหาในขบวนการที่หลบหนีไปกบดานในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ได้จำนวน 1 ราย จนสามารถจับกุมนางสาว จิตติมา อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4135/2567 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2567 ได้บริเวณริมสีแยกไฟแดงคำน้ำแซ่บ อ.วาริชำราบ จ.อุบลราชธานี ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ ,ร่วมกันโดยทุจริตเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ร่วมกันกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบเพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิเวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน จนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเพื่อให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น และ ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และสมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
เบื้องต้น นางสาวจิตติมา ยอมรับว่า ตนรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร และรับจ้างเปิดใช้งานซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือพร้อมสมัครใช้แอป K Plus แล้วส่งมอบให้แก่นายหน้าที่มารับซื้อบัญชี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป