เมื่อเร็วๆ นี้ หน่วยงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ หรือ USTR ได้ขอความเห็นจากสาธารณชน เกี่ยวกับผลการพิจารณาขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ตามมาตรา 301 ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ คัดค้านต่อการขึ้นภาษีดังกล่าว
ขณะที่ องค์การการค้าโลก (WTO) ได้ตัดสินแล้วว่า ภาษีนำเข้าตามมาตรา 301 นั้น ขัดต่อกฎระเบียบขององค์การฯ การที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มเติม มีแต่จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่กว่าเดิม กระทั่งรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเลื่อนการประกาศตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ภายใต้มาตรา 301 ออกไปอีกครั้ง
กระทรวงพาณิชย์ของจีน ระบุเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2024 ว่า สหรัฐฯ ควรแก้ไขข้อผิดพลาดของตน และยกเลิกภาษีนำเข้าเพิ่มเติม ต่อสินค้าจีนทั้งหมดทันที
เหอหย่งเฉียน โฆษกกระทรวงฯ กล่าวถึงประเด็นที่สหรัฐฯ เลื่อนการประกาศตัดสินใจ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ภายใต้มาตรา 301 ออกไปอีกครั้งว่า ความเห็นของชาวอเมริกัน แสดงให้เห็นว่า การขึ้นภาษีภายใต้มาตรา 301 ไม่เป็นที่นิยมในหมู่สาธารณชนในสหรัฐฯ และสหรัฐฯ ควรยกเลิก ‘ภาษีนำเข้าเพิ่มเติม’ สินค้าจีนทั้งหมด
มาตรา 301 เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบัญญัติทางการค้า ปี 1974 ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่มาตรา 301 ถึง 310 แต่มักถูกเรียกโดยรวมว่า “มาตรา 301” กฎหมายส่วนนี้ เป็นเครื่องมือที่บังคับใช้สิทธิของสหรัฐฯ ตามสัญญาทางการค้า ที่ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ มีความเห็นว่า ละเมิด ไม่สอดคล้องกับสัญญาทางการค้า หรือ ไม่เป็นธรรมต่อการค้าของสหรัฐฯ
มาตรา 301 อาจริเริ่มโดย ผู้มีส่วนได้เสีย เข้ามาร้องเรียนต่อ USTR หรือ USTR อาจเป็นผู้ริเริ่มเองก็ได้ การสอบสวนจะเริ่มต้นโดยการแสวงหาข้อตกลง ผ่านการเจรจากับประเทศที่เกี่ยวข้อง และสหรัฐกับประเทศที่ถูกสอบ จะต้องหาข้อสรุปให้ได้ภายใน 12-18 เดือนหลังผลสอบ มิฉะนั้น USTR จะดำเนินมาตรการตอบโต้เอง ซึ่งมักจะอยู่ในรูปแบบของการขึ้นอัตราภาษีขาเข้ากับสินค้าที่เกี่ยวข้อง
ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้เปิดสอบสวนสินค้านำเข้าจากจีนภายใต้มาตรา 301 นำไปสู่การตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีนครั้งใหญ่ รวมเป็นมูลค่ากว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้จีนออกมาตรการตอบโต้ จนกลายเป็นสงครามการค้า ส่งผลกระทบไปทั่วโลก
#สืบจากข่าว รายงาน
