กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์ รอง ผบก. ปคม., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ. ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.ไตรรงค์ ชัยชนะ ประจำ (สบ.5)ปฏิบัติราชการ บก.ปคม., พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส รอง ผบก.ปคม., ว่าที่ พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ ผกก.1 บก.ปคม.,พ.ต.ท.นิติ ด่านไพบูลย์, พ.ต.ท.เอกรณการ นาคนิยม รอง ผกก.1 บก.ปคม.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.บุรินทร์ กะปิตถา สว.กก.1 บก.ปคม., ร.ต.อ.เรืองศักดิ์ หุนตระณี, ว่าที่ ร.ต.อ.เอกกรินทร์ ทองหยด รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคม., ร.ต.ต.หญิง พรทิพย์ ธานี รอง สว.(ป) กก.1 บก.ปคม., ด.ต.เอกพิสิฐ รัฐเดชน์โภคิน, ด.ต.ศรีสุวรรณ วงศ์ศิริ, ด.ต.หญิง ปรัชนันท์ วรรณกลาง, จ.ส.ต.ปัญญา โรมรัมย์, จ.ส.ต.วิรัตน์ อุบล ผบ.หมู่ กก.1 บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม นางสมปองฯ หรือเจ๊จ๋า อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2295/2557 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2557 สถานที่จับกุม หน้าศาลาภายในวัดโพธิยาราม (ทองคง) ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐาน ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงานและบริการและได้ลงมือกระทำความผิดตามที่สมคบกัน โดยร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปเพื่อให้ผู้เสียหายที่ถูกพาเข้ามาหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรตกอยู่ในอำนาจของผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งมาจากที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ หลอกลวงใช้อำนาจโดยมิชอบ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น ร่วมกันเพื่อจะเอาคนลงเป็นทาส หรือให้มีฐานะคล้ายทาส นำเข้าในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พามาจากที่ใด ซื้อ ขาย จำหน่าย รับหรือหน่วงเหนี่ยวกักขังบุคคลหนึ่งบุคคลใด”
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2555 กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (กก.1 บก.ปคม.) ได้รับการประสานจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับกรณีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงให้ไปทำงานบนเรือประมง ก่อนที่จะถูกบังคับทำงานและถูกทำร้าย เยี่ยงทาสปางตาย จนถูกทิ้งกลางทะเล ต้องลอยคอเป็นเวลานานก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือจากเรือสินค้าเวียดนาม จากการสอบสวนทราบว่า ขณะผู้เสียหายเข้ามาเพื่อไปเยี่ยมแม่ที่ป่วยและหางานทำที่กรุงเทพมหานคร ขณะรอรถอยู่ที่สถานีขนส่งหมอชิตกลับถูกกลุ่มขบวนการผู้ต้องหาหลอกลวงด้วยการให้สัญญาว่าจะพาไปทำงานบนเรือประมง มีรายได้ดีและไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าทำงาน จนผู้เสียหายหลงเชื่อ เมื่อไปถึงปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ ผู้เสียหายถูก “เจ๊จ๋า ปากน้ำ” รับตัวและพาไปยังร้านคาราโอเกะ ก่อนที่จะถูกบังคับให้เซ็นสัญญาทาส และกักขังไว้ในห้องพัก พร้อมข่มขู่ไม่ให้หลบหนี
ต่อมาผู้เสียหายถูกนำตัวไปขึ้นเรือประมงและถูกส่งไปยังเรืออื่น ๆ เป็นทอดๆ กลางทะเล ประเทศมาเลเซีย ถูกไต๋เรือใช้เหล็กทำร้าย และเตะจนได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย และโยนทิ้งกลางทะเลลอยคออยู่ในทะเลกว่า 3 วัน ก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือจากเรือสินค้าจากเวียดนาม และพักอาศัยอยู่บนเรือสินค้านานกว่า 1 เดือน จนกระทั่ง มาขึ้นฝั่งที่ประเทศอินเดีย และได้รับความช่วยเหลือ ส่งตัวกลับประเทศไทยโดยเจ้าหน้าที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มขบวนการผู้ต้องหาต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.1 ปคม. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและสามารถขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการ จำนวน 5 ราย โดยหนึ่งในนั้นคือ “เจ๊จ๋า ปากน้ำ” หรือ นางสาวสมปองฯ ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 2295/2557 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงานและบริการและได้ลงมือกระทำความผิดตามที่สมคบกัน โดยร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปเพื่อให้ผู้เสียหายที่ถูกพาเข้ามาหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรตกอยู่ในอำนาจของผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งมาจากที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ หลอกลวงใช้อำนาจโดยมิชอบ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น ร่วมกันเพื่อจะเอาคนลงเป็นทาส หรือให้มีฐานะคล้ายทาส นำเข้าในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พามาจากที่ใด ซื้อ ขาย จำหน่าย รับหรือหน่วงเหนี่ยวกักขังบุคคลหนึ่งบุคคลใด”
จากนั้นหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมผู้ต้องหา จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ว่าที่ พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ ผกก.1 บก.ปคม. กล่าวว่า กรณีการสืบสวนขยายผลดังกล่าว เจ้าหน้าที่สืบสวนของ กก.1 บก.ปคม. ได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ของแก๊งขบวนการค้ามนุษย์ เรือประมงนรก ซึ่งเป็น ขบวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่ปากน้ำ สมุทรปราการ โดยเชื่อมโยงกับแผนประทุษกรรมในคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เชื่อมโยงเครือข่ายกับคดีค้ามนุษย์ของ กก.1 บก.ปคม. ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกัน จนสามารถขยายผลเชื่อมโยง กับ “เจ๊จ๋า ปากน้ำ” โดยรับว่าเคยส่งคนไทย และคนต่างด้าว ขึ้นเรือประมงนรกไปบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาสมาหลายรายแล้ว นอกจากนั้น เคยติดคุกในเรือนจำ 3 ปี ในคดีค้ามนุษย์เรือประมงนรก หลังจากออกจากเรือนจำมาก็หลบหนีหมายจับ มาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี จนกระทั่งจนมุมตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ในวันนี้