วันจันทร์, ตุลาคม 14, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง รวบรถพ่วงตีเนียนยัดยาบ้ากว่า 13 ล้านเม็ด ในตระกร้าผลไม้

Related Posts

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง รวบรถพ่วงตีเนียนยัดยาบ้ากว่า 13 ล้านเม็ด ในตระกร้าผลไม้

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สกัดรถพ่วงขนยาบ้ากว่า 13 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 1,000 ล้าน มุ่งหน้าลงใต้ ก่อนส่งออกประเทศที่สาม กองบัญชาการตำรวรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การ อำนวยการของ พล.ต.ท.จ๊รภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ช่วชการ บก.ทล., พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. ได้มอบหมายให้หน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.พุทธางกูร เรืองธรรม สว.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล., ร.อ.เวิน ไ รอง สว.ส.ทล.3 กก.2, ด.ต.ปัญญา สุพล ผบ.หมู่ ส.กก.2 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจวจทางหลวงรวม 8 นาย จับกุมตัว

  1. นายอมรฯ อายุ 51 ปี (ทำหน้าที่เป็นผู้ขับขี่รถพ่วง)
  2. นายวีระพงศ์ฯ อายุ 39 ปี (ทำหน้าที่บอกทางคนขับ)
    พร้อมด้วยของกลาง
  3. ยาบ้าชนิดเม็ดสีส้ม ด้านหนึ่งมีตัวอักษร WY จำนวประมาณ 13,000,000 เม็ด และยาบ้าชนิดเม็ดสี
    ด้านหนึ่งมีรูปแอปเปิ้ล จำนวน 130,0000 เม็ด ทั้งหมดถูกห่อเป็นมัดบรรจุอยู่ในตะกร้
    จำนวน 65 ตะกร้า (รวมยาบ้าทั้งสิ้น จำนวน 13,130,000 เม็ด)
  4. รถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ 22 ล้อ ทะเบียน จ.สงขลา จำนวน 1 คัน
  5. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากนโยบายของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล.. ที่ได้หมายให้ตำรวจทางหลวงเข้มงวดกับการปราบปรามอาชกรรมบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก การลักลอบขนยาเสพติดบนถนหลวง โดยในปีงบประมาณ 2567 (ระหว่าง ต.ค.66 – ส.ค.67) บก.ทล.ที่ผ่านมาสารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดไปแล้ว 1,569 คน สามารถตรวจยึดยาเสพติดของกลาง เป็น119,266,779 เม็ด, เคตามีน 568 กิโลกรัม, ยาไอซ์ 471 กิโลกรัม และ เฮโรอื่น 127 กิโลกรัม

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 เวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ ได้ตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและปราบปรามอาชญากรรมบนท้องถนน บริเวณ ถ.เพชรเกษม ชาล่องใต้กม.378 อ.บางสะพานต่อมาเวลาประมาณ 13.30 น. ได้มีรถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ ทะเบียน จ.สงขลา ด้านหลังบรรทุกลัง พลาสติก ลักษณะวางเรียงเป็นแนวยาวตามตัวรถคลุมผ้าใบสีดำ ขับขี่เข้ามาในด่าน จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ารถพ่วงคันดังกล่าวไม่มีบังโคลนและยังพบว่ามีการติดตั้งแตรลม ซึ่งความผิดตาม พ.ร.บ.ขนส่งฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงเรียกให้หยุดและขอตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่จากผู้ขับขี่ พบว่า ชื่อ นายอมร (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ในขณะที่ นายอมรฯ ยื่นใบอนุญาตชับชี้ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สังเกตุเห็นว่ามีอาการเหงื่อแตก มือสัน เสียงสั่น เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จึงได้เรียกให้ นายอมรฯ ลงมาจากรถ เพื่อขอตรวจสอบสิ่งของที่บรรทุกมา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่ารถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวมีการลักลอบขนส่งสิ่งของผิดกฎหมายมาด้วย

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเปิดผ้าใบคลุมสิ่งของที่บรรทุกมาก็พบว่าเป็นตระกร้าพลาสติก สำหรับใส่ผัก ผลไม้ แต่เมื่อเข้าตรวจค้นแล้ว พบว่าเป็นมัดยาบ้าห่อสีเหลือง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว นายอมรฯ ไว้ทันที และในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงพบว่า ภายในรถยังมีผู้โดยสารอีกหนึ่งคนหลบช่อนอยู่ ได้เปิดประตูวิ่งลงมาจากรถพ่วงคันดังกล่าวเพื่อพยายามหลบหนีการจับกุม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้วิ่งติดตามไปอย่าง กระชั้นชิดจนสามารถสามารถรวบจับตัวได้ ทราบชื่อต่อมา คือ นายวีระพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคนชับ คอยบอกทางและติดต่อสื่อสารกับผู้ว่าจ้างจากการตรวจนับของกลางเบื้องต้น พบว่านรถบรรทุกพ่วงมีตะกร้าพลาสติกที่บรรจุยาบ้า ทั้งหมด 65 ตะกร้า

จึงควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมกับรถของกลางกลับมาตรวจสอบที่สถานีตำรวจทางหลวง ประจวบคีรีขันธ์ ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐาน DNA กลุ่มคนร้ายที่มัดยาบ้า และจากการตรวจนับ พบว่ายาบ้าทั้งหมดมี ประมาณ 13,130,000 เม็ด จากการซักถามเบื้องต้น นายอมรฯ และ นายวีระพงศ์ฯ ให้การรับสารภาพว่า ทั้งสองทำหน้าที่รับจ้างขนยาเสพติดล็อตดังกล่าว มาจากพื้นที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เพื่อนำไปส่งในพื้นที่ อ.ทุ่งส่ง จ.นครศรีธรมราช จากนั้นก็จะมีคนมาคอยรับต่อไปอีกช่วงหนึ่ง โดยจะได้รับจ้างในการขนยา
เสพติดเที่ยวละ 200,000 บาท ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่รับจ้างขนยาเสพติดล็อตใหญ่ลักษณะนี้ ประกอบกับการพูดคุย นายอมรฯ และ นายวีระพงศ์ฯ มีอาการคล้ายคนเสพยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายไปทำการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ ผลการตรวจพบสารเสพติดอยู่ในร่างกายของผู้ต้องหาทั้งสองคน ทำให้ นายอมรฯ และ นายวีระพงศ์ฯ จะต้องถูกดำเนินคดีใน ข้อหา “ขับรถในขณะมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) อยู่ในร่างกายโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามึน) โดยผิดกฎหมาย” อีกข้อหาหนึ่งด้วย จากนั้น นำตัวผู้ต้องหาพร้อมยาเสพติดของ กลาง ส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts