วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบทอมแสบ หลอกพาคนไปทำงานต่างประเทศขณะจับกุมเจ้าตัวปฏิเสธเสียงเเข็ง ตนเองเป็นผู้ชาย ไม่ใช่หญิงสาวตามหมายจับ

Related Posts

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบทอมแสบ หลอกพาคนไปทำงานต่างประเทศขณะจับกุมเจ้าตัวปฏิเสธเสียงเเข็ง ตนเองเป็นผู้ชาย ไม่ใช่หญิงสาวตามหมายจับ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกูล ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม, พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์ รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ทล. และ พ.ต.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.

​เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.๑ กก.๒ บก.ทล.(นครปฐม) นำโดย ร.ต.อ.ศรัณยพงศ์ อ่อนสิงห์ รอง.สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล., ด.ต.จิตรธวัช สุวรรณโชติ, ด.ต.อมรรัตน์ ทริเพ็ง, จ.ส.ต.ศรายุทธ ชิวปรีชา, จ.ส.ต.ชนวีร์ ประคองจิตต์ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.

ร่วมกันจับกุม น.ส.วิจิตาฯ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 104/2567 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ในความผิดฐาน “หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปทำงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังเช่นว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้หลอกลวงและฉ้อโกงผู้อื่น” และยังตรวจสอบพบหมายจับอีก 1 หมายจับ คือ หมายจับของศาลเเขวงเชียงใหม่ ที่ จ ๓๓/256๔ ลงวันที่ 1๔ มกราคม 256๔ ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์”

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก น.ส.วิจิตาฯ (ผู้ต้องหา) ได้โพสต์ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊ก อ้างว่าตนเองเป็น นายหน้าสามารถพาคนไปทำงานที่ต่างประเทศได้ ต่อมาเมื่อมีผู้สนใจติดต่อไปที่ผู้ต้องหา ผู้ต้องหาจะทำทีเป็นขอข้อมูลส่วนตัวอ้างว่าจะไปทำเอกสารในการเดินทางออกนอกประเทศให้ จากนั้นจะเรียกเก็บค่านายหน้าในการดำเนินการเป็นเงินจำนวนประมาณ 4-5 แสนบาท แต่เมื่อถึงกำหนดนัดหมายในการเดินทาง ผู้ต้องหากลับไม่เดินทางมาตามนัดหมาย และขาดการติดต่อในทันที ทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถเดินทางไปทำงานต่างประเทศตามที่ได้ตกลงและชำระค่าดำเนินการกับผู้ต้องหาไว้ ผู้เสียหายจึงเข้าเเจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายในรูปแบบนี้จำนวนหลายครั้ง หลอกลวงผู้เสียหายได้เงินไปเป็นจำนวนหลักหมื่น – หลักแสนบาท ซึ่งส่วนมากมักจะหลอกลวงว่าสามารถพาไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ประเทศสิงคโปร์ และอีกหลายประเทศ โดยภายหลังเมื่อทางผู้ต้องหาทราบว่ามีผู้เสียหายรายใดที่เข้าเเจ้งความดำเนินคดีกับตน ผู้ต้องหาจะรีบติดต่อขอชดใช้ค่าเสียหายกับผู้เสียหาย เพื่อให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์


ทั้งนี้จากการตรวจสอบเพิ่มเติม เชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้น่าจะนำเงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายไปชดใช้ให้กับผู้เสียหายรายก่อนหน้า โดยทำในลักษณะนี้วนไป จนผู้ต้องหาไม่มีเงินชดใช้ผู้เสียหาย จึงถูกดำเนินคดีและออกหมายจับตามหมายจับดังกล่าวข้างต้น

ต่อมาทางเจ้าหน้าตำรวจที่ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้ โดยสืบทราบว่าผู้ต้องหาจะเดินทางมาโดยรถโดยสารสาธารณะผ่านยังที่บริเวณริมถนนพระราม 2 ทล 35 กม.28 ขาออก ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เจ้าหน้าตำรวจจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยเมื่อพบผู้ต้องหา จึงได้เข้าเเสดงตัวเเละแสดงหมายจับให้ ผู้ต้องหาดู ซึ่งในขณะจับกุมผู้ต้องหาไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นบุคคลตามหมายจับ อ้างว่าตนเองเป็นผู้ชายจริงๆ เนื่องจากสภาพภายนอกมีการตัดผมสั้น ลักษณะคล้ายผู้ชาย จนภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเอกสารและยืนยันตัวบุคคลตามบัตรประจำตัวประชาชนที่ผู้ต้องหาพกติดตัวมาด้วย จากนั้นจึงทำการจับกุมและนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลอาญาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเองได้นำเงินจากการฉ้อโกงผู้อื่น ไปเล่นพนันบาคาร่า และเมื่อทราบว่าถูกดำเนินคดี ตนเองจะรีบหาเงินมาชดใช้ผู้เสียหาย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts