การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ “บริกส์” ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 22 – 24 ต.ค.67 ณ เมืองคาซานของรัสเซีย มีมติเพิ่มสมาชิก 13 ประเทศใหม่ ในฐานะ ‘พันธมิตรหุ้นส่วน’ หรือ Partner Countries ประกอบด้วย แอลจีเรีย, เบลารุส, โบลิเวียร์, คิวบา, อินโดนีเซีย, คาซัคสถาน, มาเลเซีย, ไนจีเรีย, ไทย, ตุรกี, ยูกันดา อุซเบกิสถาน และเวียดนาม
ในจำนวน 13 ประเทศที่เข้าเป็นพันธมิตรหุ้นส่วน มี 4 ประเทศที่มาจากภูมิภาคอาเซียน คือ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย กล่าวถึงการเข้าเป็นสมาชิกบริกส์ว่า ไทยไม่ได้เลือกข้าง หรือมองว่าบริกส์เป็นการรวมกลุ่มที่จะไปคานอำนาจใคร รัฐบาลไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิกของบริกส์ เพราะต้องการทำให้ประเทศไทยมีบทบาทมากขึ้น และต้องการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทย ร่วมกับประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาแล้ว ในการชี้นำหรือวางแนวทางการพัฒนาของประชาคมโลกต่อไป เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและเสมอภาค ซึ่งไทยมีลักษณะพิเศษคือเราเป็นมิตรกับทุกประเทศ และไม่เป็นศัตรูของใคร เราสามารถเป็นสะพานเชื่อมบริกส์เข้ากับกลุ่มอื่นๆ ซึ่งจะช่วยทำให้ประเทศสมาชิกบริกส์มีพลังมากขึ้น ในการเจรจาต่อรอง เพื่อให้ประชาคมโลกได้เห็นความสำคัญของประเทศกำลังพัฒนา และประเทศเกิดใหม่
นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์ว่า เราได้ตัดสินใจแล้วว่า ต้องการเข้าสู่กระบวนการร่วมเป็นสมาชิกบริกส์ เนื่องจากกลุ่มบริกส์ได้เริ่มขยายจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีมากกว่า 40 ประเทศแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมเช่นกัน นอกจากนี้ มาเลเซียและจีนจะลงนามข้อตกลงร่วมกันอีกหลายฉบับ
ซูจิโอโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินโดนีเซีย เผยถึงความมุ่งมั่นในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ สะท้อนถึงนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระของอินโดนีเซีย ขณะที่การจัดลำดับความสำคัญของกลุ่มประเทศบริกส์ สอดคล้องกับเป้าหมายของปราโบโว ซูเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย จึงมองว่าบริกส์ เป็นเวทีที่เหมาะสม สำหรับการหารือ และเดินหน้าผลประโยชน์ร่วมกันของโลกใต้
ขณะที่ ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม ยืนยันว่า เวียดนามพร้อมทำงานร่วมกับกลุ่มประเทศบริกส์ และประชาคมระหว่างประเทศ ภายใต้แนวคิดการร่วมมือกัน เพื่อสร้างโลกที่ดีกว่า สำหรับทุกคน
นักวิเคราะห์มองว่า การสมัครเข้าเป็นสมาชิกบริกส์ ไม่ได้หมายความว่า กลุ่มประเทศตรงกลางจะแปรพักตร์จากอิทธิพลของสหรัฐ ไปซบจีนแทน แต่ประเทศเหล่านี้ กำลังเปิดใจให้จีนและรัสเซียมากขึ้น เพื่อให้โลกมีอิสระ และกระจายขั้วอำนาจ สร้างระเบียบใหม่ นั่นเอง