การจำกัดการลงทุนทางเทคโนโลยีในฮ่องกงและจีน จ่อส่งผลกระทบเชิงลบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ขณะที่การประกาศสงครามการค้ากับจีน ทำให้อเมริกาขาดดุลในระดับสูงเกือบ 3 แสนล้านดอลลาร์ฯ
เมื่อวันอังคาร 29 ตุลาคม 2024 จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดประจำเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ทางตอนใต้ของจีน กล่าวถึงกรณีสหรัฐฯ จำกัดการลงทุนทางเทคโนโลยีในฮ่องกง และแผ่นดินใหญ่ของจีน จะส่งผลกระทบเชิงลบ ต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เอง
สำนักข่าวซินหัว ระบุรายงานข่าวดังกล่าวว่า หลังจากกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ออกกฎระเบียบจำกัดการลงทุนของสหรัฐฯ ในด้านเซมิคอนดักเตอร์ ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีสารสนเทศควอนตัม และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในจีน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เดือนมกราคม 2025 โดยอ้างอิงความมั่นคงของชาติ
ลีกล่าวกับสื่อมวลชน ก่อนการประชุมสภาบริหารเมื่อวันอังคารว่า นักการเมืองอเมริกันบางส่วนกำลังบ่อนทำลายผลประโยชน์ ทั้งของผู้อื่น รวมถึงประเทศชาติ พลเมือง และธุรกิจของสหรัฐฯ ด้วยเป้าหมายทางการเมือง และจะต้อง “รับผลกรรมจากสิ่งที่ทำไว้” หากจำกัดการลงทุน
ลีเสริมว่ารัฐบาลฮ่องกง จะปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง และผลประโยชน์ของบริษัทฮ่องกง และจะทำงานร่วมกับแผ่นดินใหญ่ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติด้วย
ขณะเดียวกันรัฐบาลฮ่องกง แสดงการคัดค้านกรณีสหรัฐฯ จำกัดการลงทุนในจีน โดยโฆษกรัฐบาลฮ่องกง ตำหนิรัฐบาลสหรัฐฯว่า “จงใจมุ่งเป้า” ที่ฮ่องกงและแผ่นดินใหญ่ของจีน ด้วยข้ออ้างต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ขัดขวางกิจกรรมการลงทุนและการค้า บ่อนทำลายหลักการตลาดเสรีและระเบียบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
ขณะที่การทำสงครามการค้ากับจีน นับตั้งแต่ปี 2561 สหรัฐฯ ยังคงขาดดุลการค้ากับจีนในระดับสูง นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้มาตรา 301 ในการขึ้นภาษีสินค้าจีน ภายใต้มาตรการปกป้องการค้าที่ไม่เป็นธรรม โดยมุ่งหวังลดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯกับจีน แต่ปัจจุบัน สหรัฐฯยังคงขาดดุลการค้ากับจีนในระดับสูงถึง 2.79 แสนล้านดอลลาร์ฯ คิดเป็น 26% ของยอดขาดดุลการค้ารวมของสหรัฐฯ ในปี 2566 ในขณะที่จีนยังคงเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก ด้วยสัดส่วน 14% ของการส่งออกโลก
