เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง เข้าร่วมพิธีเปิดหลักสูตรอบรม “มองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้ ” ครั้งที่ 6 จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พร้อมกล่าวปาฐกถา ให้กับผู้ร่วมอบรมจากสื่อไทยและสื่อจีน เกือบ 50 คน
เอกอัครราชทูตหาน ได้แนะนำสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีน ตามเจตนารมณ์ของการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 และชุดนโยบายเพิ่มเติมล่าสุดที่มีการเปิดตัว โดยได้ชี้ชัดถึงข้อดีของระบบสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีน อีกทั้งมองไปถึงโอกาสที่สดใสในอนาคตสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน
เอกอัครราชทูตหานเน้นย้ำว่า จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-ไทย เป็นความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย จีนยินดีแบ่งปันกับไทย ถึงโอกาสและประโยชน์จากการพัฒนาของจีน ปีหน้าจะครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย หวังว่าเพื่อนสื่อมวลชนในไทย จะรายงานข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์จีน-ไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมมิตรภาพระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศต่อไป
ในมิติด้านการค้าการลงทุน เอกอัครราชทูตหาน ได้ยกตัวเลขสถิตินำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างไทย-จีน มาเปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ไทยนำเข้าแผ่นซิลิโคนจากจีน คิดเป็นมูลค่ารวม 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 33,659 ล้านบาท ในขณะที่ไทย ส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ไปยังประเทศจีน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 151,469 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าสินค้าไทยบางรายการ ส่งออกเป็นมูลค่าสูงกว่าการนำเข้าสินค้าจีน
ทั้งนี้ 80% ของสินค้าจีนที่ส่งออกมายังไทย เป็นสินค้าที่ผลิตและส่งออก สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคไทยทั้งสิ้น ส่วนสินค้านำเข้าจากจีน ที่ก่อให้เกิดการแข่งขันกับสินค้าไทย มีไม่ถึง 20% นอกจากนี้ บริษัทวิสาหกิจจีน ที่ลงทะเบียนกับสถานทูต มีมากกว่า 1,000 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมการผลิต จ้างแรงงานมากกว่า 90% สร้างห่วงโซ่อุปทานในสังคมไทย ดังนั้น จึงเห็นว่าไทยและจีน ควรดำเนินความสัมพันธ์ และความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจการค้า โดยไม่สะดุดหยุดลง เพียงเพราะปัญหาบางประการที่เกิดขึ้น