วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 17, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมแม่บ้านตำรวจ เข้าร้องทุกข์กับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยเหลือ หลังถูกสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งหนึ่ง โกงเงินสะสมของสามีตำรวจที่เสียชีวิต แต่ไม่ได้รับเงิน

Related Posts

แม่บ้านตำรวจ เข้าร้องทุกข์กับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยเหลือ หลังถูกสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งหนึ่ง โกงเงินสะสมของสามีตำรวจที่เสียชีวิต แต่ไม่ได้รับเงิน

วันนี้ 17 พ.ย. 67 ที่เพจสายไหมต้องรอด โดยกลุ่มผู้เสียหายที่เดินทางมาจากจังหวัดพัทลุง มาร้องขอความเป็นธรรมกับนายเอกภพ หลังจากที่ กลุ่มผู้เสียหายเป็นทายาทตำรวจในจังหวัดพัทลุงเข้าร้องเรียนหลังจากที่ สหกรณ์ตำรวจแห่งหนึ่งภายในจังหวัดพัทลุงไม่ยอมจ่ายเงินหลังจากที่ทายาท หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้ฝากคุณเข้าไปในสหกรณ์เสียชีวิต

นายเอกภพ ระบุว่ากลุ่มผู้เสียหายเป็นครอบครัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดพัทลุง ได้เข้าร่วมกับสหกรณ์ตำรวจแห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุง ส่งกองทุนนี้มาหลาย 10 ปี ซึ่งหลังจากไม่ว่าจะเป็นพ่อ หรือสามีที่เสียชีวิตไป ทายาทก็จะไปทำเรื่องขอเบิกเงิน (หุ้น) ก็ไม่สามารถที่จะเบิกถอนออกมาได้ โดยที่ทาง สหกรณ์ตำรวจแห่งนี้อ้างว่า มีเหตุที่เกิดขึ้นกับทางสหกรณ์ซึ่งเป็นปัญหาภายในที่เกิดขึ้น ซึ่งญาติอีกหลายคนที่เดือดร้อนไม่สามารถที่จะเบิกเงินคืนได้ ซึ่งคนที่มาวันนี้เป็นตัวแทนของกลุ่มทายาทบางคนเป็นภรรยาแทนที่จะได้เงินของสามีมาใช้ก็กลับไม่ได้ใช้บางคนเป็นลูก ก็ไม่ได้ใช้เงินของผู้เป็นพ่อ ที่จะเอามาใช้สำหรับการศึกษา

นอกจากนี้ทางสหกรณ์ตำรวจมีการออกกฎระเบียบมาเมื่อเดือนมกราคม ปี 2567 ให้มีกฎระเบียบย้อนหลังก็จะต้องไปดูว่ามีผลบังคับใช้ไหมก็อยากจะให้ทางสหกรณ์มาดูแลพวกทางทายาทเยียวยาทางทายาทซึ่งมากน้อยก็ยังดีเพราะครอบครัวก็ยังลำบากเพราะตำรวจที่เสียชีวิตไปก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริตซึ่งทางคนที่เข้าร่วมกองทุนก็หวังว่าทายาทจะไม่ลำบากจึงได้มีการฝากกองทุนไว้

ซึ่งตอนนี้มูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท จึงอยากจะเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมรวมถึงให้ เพจสายไหมต้องรอดช่วยเป็นกระบอกเสียง และจะให้ทนายของทางเพจสายไหมต้องรอดมาช่วยดูแล และจะมีการประสานไปยังอธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิ์ เพื่อที่จะช่วยดูแลเรื่องโดนสิงจะให้ทางทนายของเค้าไหนก็รอบมาช่วยดูแลสิ่งเหล่านี้มีความแปลกเรื่องเกิดมาหลายปีแล้ว

ทางทายาทก็พยายามที่ติดตามไปทางสหกรณ์ จนทางสหกรณ์ออกระเบียบ เมื่อเดือนมกราคม 2567 ไม่สามารถที่จะเอาเงินคืนได้ซึ่งก็จะต้องไปดูว่าระเบียบเช่นนี้มีผลบังคับใช้หรือไม่ซึ่งถ้าไม่มีผลบังคับใช้ก็อยากจะให้ทางสหกรณ์มาเยียวยาดูแลผู้เสียหาย เพราะตำรวจแต่ละนายที่เสียชีวิตไปทุกคนก็ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตทั้งชีวิตก็ทำงานมาเพื่อเก็บเงินกับทางสหกรณ์ก็คาดหวังว่าพ่อเสียชีวิตทายาทที่เหลืออยู่ก็จะไม่ลำบากสุดท้ายก็มันหนักมาก

ต่อมา นางสุภาภรณ์ คงศรี อายุ 55 ปี ตัวแทนผู้เสียหาย และเป็นภรรยาของ ร.ต.ท. ประพันธ์ คงศรี ที่พึ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 ซึ่งทางสามีได้ไปเข้าร่วมกองทุนสหกรณ์แห่งนี้โดยมีหุ้นเมื่อปี 2536 ซึ่งหลังจากที่สามีเสียชีวิตลงก็มีหุ้นอยู่ภายในสหกรณ์แห่งนี้ 400,000 กว่าบาท ส่งทางเธอและครอบครัวได้ไปติดต่อที่สหกรณ์แห่งนี้เพื่อที่จะทำการเบิกเงินที่เหลือออกมาแต่ทาง สหกรณ์ว่าไม่สามารถที่จะเบิกได้

จนกระทั่งวันที่ 15 ตุลาคม 2567 มีการนัดกลุ่มทายาทไปประชุมพร้อมบอกว่าทุกคนจะถูกตัดหุ้นทิ้งทั้งหมด ส่วนกรณีของเธอบอกว่าจะจ่ายเพียงแค่ 29,000 กว่าบาท (0.6 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งตนเองมองว่า ไม่ยุติธรรมกับตนเอง เพราะมีบางคนที่เสียชีวิตตั้งแต่ปี 2564 ถึง 2565 ก็ถูกตัดหุ้นทิ้งทั้งหมดเงินที่ออมมาทั้งชีวิตที่คิดจะเก็บไว้ให้ทางครอบครัวก็หายไปทั้งหมด ครอบครัวก็ได้รับความเดือดร้อน อย่างบางครอบครัวที่มีมูลค่าสูงถึงสองล้านบาทก็จะต้องถูกตัดทิ้งไป

นอกจากนี้ตนและผู้เสียหายได้เข้าไปในเว็บไซต์ของทางสหกรณ์ และพบความผิดพลาด ในการทำเอกสารหลายจุด เช่นอายุของสามี ที่ทางเว็บไซต์ระบุว่าอายุของสามีเธอมีเพียงแค่อายุ 23 ปี รวมถึงมีการ ระบุวันที่ตนเองพ้นสภาพทางที่ตนเองไม่เคยไปเซ็นลาออกจากทางกองทุน รวมถึงทางสามีสมัครกองทุนนี้ตั้งแต่ปี 2536 ซึ่งจะต้องได้ทั้งหมด 360 งวดแต่ทางเว็บไซต์ระบุไว้เพียงแค่ 243 งวด

จึงอยากจะเรียกร้องไปยังทางสหกรณ์ว่าให้เข้ามาช่วยเหลือดูแลเยียวยาและอยากได้ตัดสิทธิ์ตัดหุ้นของพวกเราไปเลย เพราะเป็นเงินที่ทางสามีสะสมมา แต่ละคนก็ลำบากซึ่งตนเองก็มีหนี้อีก 50,000 กว่าบาทแทนที่จะเอาเงินในกองทุนมาหักลบกัน แต่ทางสหกรณ์ก็บอกว่าไม่สามารถที่จะหักล้างกันได้ ทางสหกรณ์บอกว่า “หนี้ก็คืนหนี้ หุ้นก็คือหุ้น” ซึ่งจากการไปสอบถามหลายที่ก็บอกว่าสามารถทำได้แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมที่สหกรณ์แห่งนี้ถึงไม่สามารถที่จะทำได้

อย่างน้องนักศึกษาคนนึงที่พ่อพึ่งเสียชีวิตไปมีเงินในกองทุนประมาณ 500,000 กว่าบาทหากหักหนี้ไปแล้วยังเหลือเงินอีก 100,000 กว่าบาทมาให้น้องนักศึกษาคนนี้ไปใช้เป็นทุนการศึกษาต่อได้อีก / ซึ่งตอนนี้มีผู้เสียหายประมาณ 58 คน ความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 27,000,000 กว่าบาทซึ่งสมาชิกของกองทุนแห่งนี้มีสมาชิกทั้งหมด 700 กว่าคน

ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็ได้คุยกับทางรองประธาน ของสหกรณ์ก็ได้ทักไปว่าทำไมถึงไม่หักหุ้นของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยถ้าหากจะต้องการนำเงินไปชดเชยหนี้ที่ขาดทุนสะสมของสหกรณ์ ทางรองประธานคนดังกล่าวตอบกลับมาว่า เพราะคนที่มีชีวิตอยู่ยังไม่ผลสภาพ ยังเป็นสมาชิกอยู่ แต่คนที่เสียชีวิตไปแล้วนั้นคือคนที่พ้นสภาพสมาชิกไปแล้วซึ่งเธอก็มองว่าไม่เป็นธรรมกับเธอ ซึ่งส่วนตัวมองว่าปัญหาน่าจะเกิดตั้งแต่ปี 2564 ที่ทางสหกรณ์เคยมีข่าวดังว่ามีการทุจริตกันภายในองค์กรทำให้ทางหกรขาดทุน

พร้อมบอกว่าตั้งแต่ปี 2564 ทางครอบครัวไม่เคยได้รับเงินปันผลจนกระทั่งปี 2566 ได้เงินปันผลมา 6500 บาท ซึ่งทางประธานของสหกรณ์บอกว่าเงินตรงนี้จะต้องรอก่อนซึ่งจะได้คืนภายในอีก 10 ปี หรือถ้าหากทางสหกรณ์ฟื้นฟูตัวได้ก็จะมีเงินปันผลให้กับทางครอบครัวทุกปี แต่สุดท้ายวันที่ 15 ที่มีการประชุมก็มาบอกว่าจะตัดสิทธิ์ทุกคน / และพึ่งมารู้ภายหลังว่าทายาทผู้เสียชีวิตจะต้องสมัครสมาชิกสมทบเพื่อรับเงินปันผลทุกปี

ซึ่งเธอเล่าทั้งน้ำตาว่าเงินนี้สามีของเธอเคยบอกว่า “ ถ้าพ่อตายไปลูกกับจะสบายที่ไหนได้ลูกกับเมียจะต้องมาต่อสู้อยู่แบบนี้แหละไม่ได้เงินสักบาทหนึ่งเลย“ แต่เมื่อสหกรณ์ทำเช่นนี้ก็จะต้องเข้าใจความทุกข์ของทายาทด้วยเช่นกัน ยอมรับว่าเคยไปปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดพัทลุงซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวก็บอกว่าจะมาแจ้งทำไม

รวมถึงรองประธานสหกรณ์บอกว่า จะต้องชำระหนี้ที่เหลืออีก 50,000 บาท โดยจะมีค่าดอกเบี้ยร้อยละ 8 บาทต่อวัน ซึ่งเธอมองว่าเป็นจำนวนที่มากเกินไปและตามกฏหมายดอกร้อยละ 20 ก็ถือว่าผิดกฎหมายแล้วจึงได้ตั้งคำถามว่า อย่างกรณีนี้ก็เข้าข่ายผิดกฎหมายด้วยหรือไม่

นักศึกษาที่พ่อเสียชีวิต ออกมาเปิดเผยว่าทางสหกรณ์บอกว่าจะต้องชำระหนี้ที่เหลือหากไม่ชำระจะมีการฟ้องดำเนินคดีซึ่งเธอเป็นเพียงแค่นักศึกษาก็ไม่รู้ว่าจะต้องนำเงินจากไหนไปคืน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts