ตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปอศ. สนธิกำลัง กองปราบปราม ทลายขบวนการปลอมเอกสารหลอกกู้ไฟแนนซ์ บุกยึดรถหรูป้ายแดงมูลค่ารวมกว่า ๑๐ ล้านบาท
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ร่วมกับกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.๕ บก.ปอศ., พ.ต.ท.พงศ์พิต อุปรโคตร, พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี รอง ผกก.๕ บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พ.ต.ต.ประดิษฐ์ สุวรรณดี, พ.ต.ต.จรัส แก้วสง่า, พ.ต.ต.วรทัต บัวประเสริฐ, พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา, พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ สว.กก.๕ บก.ปอศ., ร.ต.อ.ฉัตรดนัย ทองคลอด รอง สว.กก.๕ บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ กก.๕ บก.ปอศ.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม
ร่วมกันจับกุม
๑. นางสาว อัจฉรา (สงวนนามสกุล) อายุ ๓๗ ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลอาญาที่ ๗๖๔/๒๕๖๕
ลงวันที่ ๑๘ เม.ย. ๒๕๖๕
๒. นายปิยะชัย (สงวนนามสกุล) อายุ ๓๖ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ ๗๖๕/๒๕๖๕
ลงวันที่ ๑๘ เม.ย. ๒๕๖๕
๓. นายศุภพิพัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ ๓๐ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ ๗๖๖/๒๕๖๕
ลงวันที่ ๑๘ เม.ย. ๒๕๖๕
ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอมหรือลงลายมือชื่อในเอกสารอันเป็นเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการปลอม และใช้เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิด ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน และร่วมกันฉ้อโกง”
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๖ เม.ย. ๖๕ ที่ผ่านมา ได้มีบริษัทไฟแนนซ์รถยนต์แห่งหนึ่งเข้ามาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก. 5 บก.ปอศ. หลังจากตรวจสอบพบว่า มีคนร้ายได้นำเอกสารปลอมมายื่นขอสินเชื่อรถยนต์กับทางบริษัทฯ โดยบริษัทฯ หลงเชื่อและอนุมัติสินเชื่อให้แก่คนร้ายไป ซึ่งคนร้ายได้นำวงเงินอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวไปเช่าซื้อรถยนต์ ยี่ห้อ BMW ซีรี่ย์ ๗ มูลค่ากว่า ๗ ล้านบาท เป็นเหตุทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนทราบว่า ก่อนที่คนร้ายได้รับรถยนต์ BMW คันดังกล่าวไปได้ตระเวนหานายทุนมารับซื้อรถยนต์ต่อ และเมื่อได้รับรถยนต์แล้วก็ได้ทำการส่งมอบให้กับนายทุนทันที จากนั้นนายทุนก็ได้นำรถไปซุกซ่อนเพื่อเตรียมจำหน่ายต่อ ซึ่งในขบวนการนี้มีผู้เกี่ยวข้องหลายคนอยู่ในพื้นที่กทม.และในพื้นที่จังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๕ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ กก.๕ บก.ปอศ.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. นำกำลังเข้าตรวจค้นทั้งหมด ๔ จุด ในพื้นที่ กทม. ๒ จุด และ จังหวัดแพร่ ๒ จุดจนสามารถจับกุมผู้ต้องหา ได้ทั้งหมด ๓ ราย รายละเอียดดังนี้
ในเขตพื้นที่จังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้สืบสวนจนทราบว่า น.ส.อัจฉราฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ ๗๖๔/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๑๘ เม.ย. ๒๕๖๕ และ นายปิยะชัยฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ ๗๖๕/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๑๘ เม.ย. ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นสามีภรรยาที่เป็นผู้ที่ทำ และใช้เอกสารปลอมไปยื่นขอสินเชื่อกับบริษัทไฟแนนซ์ จนทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหาย หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ ต.ห้วยอ้อ อ.ลอง จ.แพร่ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดแพร่ และทำการเข้าตรวจค้นจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ได้ในพื้นที่ ต.ห้วยอ้อ อ.ลอง จ.แพร่
ในเขตพื้นที่ กทม. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายศุภพิพัฒน์ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ ๗๖๖/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๑๘ เม.ย. ๒๕๖๕ พักอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านสะพานใหม่ แขวงอนุสาวรีย์เขตบางเขน กทม. จึงได้ทำการขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้นคอนโดมิเนียมดังกล่าว จนสามารถจับกุมตัวนายศุภพิพัฒน์ฯ ได้ในที่สุด และได้ทำการตรวจยึดรถยนต์นั่งบุคคล ยี่ห้อ BMW รุ่น 730 Ld M Sport CKD สีขาว (ซึ่งเป็นรถยนต์คันที่ได้จากการฉ้อโกงบริษัทไฟแนนซ์ผู้เสียหาย) พร้อมรถยนต์คันอื่นๆ ที่จอดซุกซ่อนอยู่ที่อาคารจอดรถของคอนโดมิเนียมดังกล่าว อีกจำนวน ๕ คัน , อาวุธปืน ๓ กระบอก , นาฬิกาหรูจำนวนหลายเรือน, เงินสดกว่า ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า ๑๐ ล้านบาท นอกจากนี้ยังตรวจพบเอกสารเกี่ยวกับการรับจำนำรถอีกจำนวนมาก ในส่วนของทรัพย์สินรายการต่างๆ นั้นน่าเชื่อว่าได้จากการกระทำความผิดที่มีผู้มาจำนำไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง ๓ ราย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ตำรวจสอบสวนกลางขอเตือนภัย การกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหาข้างต้นนั้น ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทสินเชื่อ หรือแม้แต่ผู้ที่ได้ซื้อรถยนต์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดซึ่งอาจจะเข้าข่ายการรับของโจรที่มีความผิดตามกฎหมาย และหากมีเบาะแสเกี่ยวกับการเสนอขายหรือมีการชักชวนให้ซื้อขาย จำนำ รถยนต์ในราคาถูกกว่าท้องตลาดและผิดปกติ สามารถแจ้งเบาะแสมาได้โดยตรงที่ เพจเฟซบุ๊ก “ตำรวจสอบสวนกลาง”