ความล้มเหลวในการประชุมแก้ปัญหาโลกร้อน กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ หลายเวทีไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ เนื่องจากความเห็นที่ยังไม่ตรงกัน ถึงขนาดบางประเทศ ระงับการเจรจา เนื่องจากมองว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ไม่จริงใจในการแก้ปัญหานี้
เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 43 ภายในปี 2573 และร้อยละ 60 ภายในปี 2578 กำลังถูกท้าทายในเชิงปฏิบัติ ผู้นำประเทศมหาอำนาจอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ มองว่าข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศ เป็นเรื่องหลอกลวง ไม่เป็นธรรมต่อเศรษฐกิจสหรัฐ สร้างภาระเกินควรต่อภาคธุรกิจ ทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาพลังงานถ่านหินภายในประเทศ และเขาจะนำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีส
ขณะที่ “จีน” ในฐานะประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก มองว่าการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ต้องปฏิบัติตาม “ข้อตกลงปารีส” และ “วาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ค.ศ. 2030” อย่างครอบคลุมและเชิงลึก พร้อมเรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้ว ปฏิบัติตามความรับผิดชอบและพันธกรณี เพิ่มการสนับสนุนทางการเงินและถ่ายทอดเทคโนโลยี ไปยังประเทศกำลังพัฒนา เพื่อร่วมกันรับมือกับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังวิกฤต
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จีนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ลดการใช้พลังงานเร็วที่สุดในโลก โดยสามารถประหยัดการใช้พลังงานถ่านหินมาตรฐาน รวมแล้วประมาณ 1,400 ล้านตัน มีขนาดกำลังการผลิตพลังงานใหม่ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าหนึ่งในสามของโลก มีการลงทุนสะสมด้านพลังงานหมุนเวียนมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 จีนได้จัดหาและระดมเงินทุนพัฒนาโครงการต่างๆมากกว่า 177,000 ล้านหยวน เพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนา ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อช่วยให้พวกเขาบรรลุการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำ พร้อมเรียกร้องกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว แข่งกันเป็น “มหาอำนาจสีเขียว” ลดโลกร้อนกันดีกว่า