วันที่ 26 เม.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงาน ผบ.กองกำลังบูรพา สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันชายแดน จ.สระแก้ว เข้มงวดกวดขันปัญหาการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายและการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ในช่วงสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยเฉพาะช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ฉก.ร.111 ร่วมกับหน่วยข่าวกองกำลังบูรพา ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า มีแรงงานชาวกัมพูชารวมตัวกันหลบซ่อนอยู่ในป่าหลัง บ.เนินสมบูรณ์ ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว จึงจัดกำลังพลทำการลาดตระเวน และเฝ้าตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ตรวจพบกลุ่มคนหลบตัวอยู่ในป่าพุทรา จึงทำการแสดงตนเข้าตรวจสอบและทำการทำการจับกุม สามารถจับกุมได้จำนวน 16 คน เป็นชาย 11 คน หญิง 5 คน ซึ่งจากการสอบถามกลุ่มคนดังกล่าว เป็นชาวกัมพูชาเดินทางข้ามมายังฝั่งไทยเพื่อที่จะเดินทางไปทำงานยัง จ.ปทุมธานี, กทม., จ.นนทบุรี, จ.ระยอง, จ.นครปฐม และจ.จันทบุรี ยังไม่ได้จ่ายค่าเดินทางให้ผู้นำพา จึงได้ทำการเข้าตรวจสอบในขั้นต้น วัดอุณหภูมิร่างกายเป็นปกติ ไม่พบเอกสารหนังสือเดินทาง และไม่พบเอกสารการลงทะเบียนให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ให้อยู่ในราชอาณาจักร โดยแรงงาน ชาวกัมพูชาทั้งหมด รับสารภาพว่า ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยใช้ช่องทางธรรมชาติ ระหว่างจุดตรวจ ต.19-20 ในระหว่างการจับกุมไม่พบผู้นำพา จึงนำแรงงานทั้งหมด ส่งให้กับพนักงานสอบสาวน สภ.ตาพระยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ ฉก.ร.111และเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1204 ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 ได้จัดกำลังพลทำการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเดินเท้ามาตามช่องทางธรรมชาติมุ่งหน้ามายังฝั่งไทย จำนวน 29 คน เป็นชาย 18 คน หญิง 10 คนและเด็กชายอีก 1 คน ที่บริเวณพิกัด บ.หนองหญ้าแก้ว ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จึงได้ทำการเข้าตรวจสอบในขั้นต้น พร้อมตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่พบเอกสารหนังสือเดินทาง และไม่พบเอกสารการลงทะเบียนให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติอยู่ในราชอาณาจักร ซึ่งจากการสอบถาม ทราบว่า แรงงานกัมพูชาต้องการลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพื่อไปรับจ้างทำงานก่อสร้างและรับจ้างในสวนปาล์ม ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปทุมธานี
จากการสอบสวนแรงงานกัมพูชา บอกว่า ได้รับการติดต่อจาก นางบา สวาท ชาวกัมพูชา ให้ติดต่อกับเพื่อนชาวชาวกัมพูชาเพื่อเดินทางไปทำงานที่ จ.ปทุมธานี และได้พูดคุยตกลงค่าจ้างในการพาเข้าไปยังพื้นที่ตอนในของกรุงเทพฯและปทุมธานี ในราคาคนละ 5,000 บาท โดยจะจ่ายเมื่อถึงปลายทาง นาง บา สวาท จึงได้ตกลง และทำการนัดวันในการเดินทาง และติดต่อกับผู้นำพาชาวกัมพูชาโดยให้ไปรอรับที่แนวชายแดนไม่ทราบสถานที่ บริเวณพื้นที่ บ.ปรีจัน ต.โอบัยเจือน อ.โอโจรว จ.บันเตียนเมียนเจย จึงเดินทางเข้ามาในช่วงเวลาประมาณ 23.00 น.และถูกจับกุมขณะหลบซ่อนที่บริเวณป่ายูคาในหมู่บ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อรอขึ้นรถเข้าไปยังพื้นที่ตอนใน ส่วนผู้นำพาชาวกัมพูชาได้หลบหนีกลับไปฝั่งประเทศกัมพูชาระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม เจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1204 จึงได้ทำการชี้แจงขั้นตอน การปฏิบัติตามมติ ครม.การผ่อนผันให้คนต่างด้าว 3 สัญชาติอยู่ในราชอาณาจักรไทยและการทำงานอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งขั้นตอนการลงทะเบียนแสดงตนได้สิ้นสุดลง เมื่อ 13 ก.พ.64 แล้ว พร้อมกับนำ ชาวกัมพูชาทั้งหมด ส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.โคกสูง ดำเนินการตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กองกำลังบูรพา ได้สรุปรายงานของกองกำลังป้องกันชายแดน ภายหลังส่งเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามแนวชายแดน และสามารถตรวจพบการใช้ช่องทางธรรมชาติในการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ในห้วงเวลาเพียง 24 ชม.ที่ผ่านมา ตั้งแต่ 18.00 น.วันที่ 24 เม.ย.- 18.00 น.วันที่ 25 เม.ย.65 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองกำลังบูรพา โดยมี ชุดเฉพาะกิจ ร.2, ชุดเฉพาะกิจ ร.12, ชุดเฉพาะกิจ ร.111, ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 ,ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 และ ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ได้จัดชุดลาดตระเวนเฝ้าตรวจตลอดบริเวณแนวชายแดน จ.สระแก้ว สามารถสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รวม 6 ครั้ง จับกุมแรงงานกัมพูชาได้รวม 62 คน และผู้นำพา จำนวน 1 ราย โดยทั้งหมดต้องการเดินทางเข้ามาเพื่อลักลอบทำงานยังพื้นที่ จ.สระแก้ว, จ.ระยอง,จ.นครราชสีมา,จ.ปราจีนบุรี, จ.ชลบุรี,กทม., จ.ปทุมธานี, จ.นครปฐม และ จ.จันทบุรี เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งให้กับ พนักงานสอบสวน สภ.ต่าง ๆ ในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
