วันนี้ 9 ม.ค 68 เวลา 10.00 น. ที่บริเวณริมฟุตบาทหน้าแดนเนรมิต นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมด้วยทีมงานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เข้าแจ้งความกับนายสัญชัย วันพิรัตน์ หรือ อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม อินฟลูเอนเซอร์
นายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ อาจารย์เบียร์ ได้มีการไลฟ์สดเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2567 ตอบคำถามคนดู โดยมีเนื้อหาใจความประมาณว่า “มึงไปโค่นล้มมหาเถรสมาคมไม่ได้หรอก เขาอยู่ยงคงกระพันด้วยตำแหน่งหน้าที่และอำนาจ ไม่ใช่ด้วยพระธรรม มีหลายครั้งที่มหาเถรสมาคมใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง มากกว่าการทำตามพระวินัย ส่งผิดจ้าหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า มันดูทุเรศทุรัง เอาอำนาจราชศักดิ์ของตัวเองมาเป็นใหญ่ซึ่งถือว่าใช้ไม่ได้”
ซึ่งคำพูดดังกล่าวตนยอมไม่ได้เนื่องจากเป็นการหมิ่นพระเกียรติคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่ อาจารย์เบียร์ไม่ได้มีความรู้เรื่องพระไตรปิฎก แต่มากร่นด่ามาหมิ่นพระเกียรติ และอยากถามสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าพวกท่านทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงปล่อยให้ฆราวาสอย่างตนออกมาเคลื่อนไหวเอง ตนจึงมาแจ้งความอาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ใน 3 ข้อหา คือ หมิ่นประมาท พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องให้พนักงานสอบสวนพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง
นอกจากนี้ทนายอนันต์ชัย ยังบอกอีกว่า ก่อนที่จะมาแจ้งความในวันนี้อาจารย์เบียร์ได้มีการติดต่อผ่านคนกลางว่าจะขอเข้ามาขอโทษตน ซึ่งตนได้ตอบปฏิเสธไปพร้อมกับให้คำแนะนำไปว่าให้ไปขอโทษมหาเถรสมาคมจะดีเสียกว่า เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของตน
13.00 น. วันเดียวกัน (9 ม.ค.68) ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายหลังเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. แล้ว นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายกองทัพธรรม เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามก่อน จากนั้นจะตรวจสอบแล้วถึงส่งต่อว่าเข้าหน้างานรับผิดชอบของ บก.ใดต่อไป
ตนขอสรุปเรื่องที่มาแจ้งความในวันนี้ว่า สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่มีพระรูปหนึ่งสอนธรรมผิด มีหนังสือไปถึงสำนักพระราชวัง ทางสำนักพระราชวังได้มีหนังสือสอบถามมาถึงสมเด็จพระสังฆราช จึงทรงตั้งสมเด็จฯ ชิน ขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวก่อนนำเรื่องเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม ก่อนจะมีมติของเถรสมาคมออกมา โดยสมเด็จพระสังฆราชทรงเรียกพระรูปดังกล่าวมาแนะนำ ตักเตือน เรื่องนั้นก็จบไป
แต่ปรากฎว่าคนสอนธรรมรายนี้ไม่รู้เรื่องที่แท้จริง ก่อนเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อมีคนสอบถามเข้าไป เป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่รู้ว่าเขาดำเนินการตามขั้นตอนไปถึงไหนแล้ว หลักฐานในเรื่องนี้ทั้งหมดตนรวบรวมนำมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวนในวันนี้ทั้งหมดแล้ว
ซึ่งเรามีการดำเนินการตระเตรียมรวบรวมกันมาเมื่อสองเดือนที่แล้ว แต่ยังไม่มีจังหวะดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปลุกเศกเลขยันต์ต่างๆ เขามีระเบียบแน่นอน คนที่จะสนองงานมหาเถรสมาคมก็คือสำนักงานพระพุทธศาสนา จะได้เกี่ยวกับมหาเถรสมาคม
ดังนั้นเราจะไปบังคับเถรสมาคม ซึ่งเป็นผู้บริหารให้ท่านออกมาดำเนินการอะไรในเชิงปฏิบัตินั้นไม่ได้
การที่คนสอนธรรมอย่างคุณจะไปวิพากษ์วิจารณ์พระผู้ใหญ่กว่า 20 รูปนั้น ซึ่งแค่นักธรรมตรีเท่านั้นเองคุณจะไปสอนสังฆราชนั้นไม่ถูก จึงต้องมาแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา 44 ตรี พ.ร.บ.สงฆ์ ปี 2505 แก้ไข พ.ศ.2535
“ผู้ใดใส่ความคณะสงฆ์ หรือ คณะสงฆ์อื่น อันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือความแตกแยก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ”
นอกจากนี้ตนได้ฝากทางกองปราบฯ ดูในเรื่องขอความมั่นคง ตาม พ.ร.บ.คอมพ์ฯ มาตรา 14(2) ด้วยหรือไม่อย่างไร