จากกรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกเข้าไปงัดตู้เซฟนิรภัยลักขโมยทรัพย์สินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ของนักธุรกิจชาวจีน ภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.11 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุตำรวจได้ระดมกำลังตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด พร้อมเร่งสืบสวนติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.30 น. ที่ ห้อง ศปก.สภ.ห้วยใหญ่ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี นั่งหัวโต๊ะประชุมเร่งรัดคลี่คลายคดี โดยมี พ.ต.อ.ภาสกร ไพจิตต์ ผกก.สส.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.ท.พรพรหม ม่วงบังยุง รอง ผกก.สส.สภ.ห้วยใหญ่ พ.ต.ท.กวิณวัชร์ อารยะสุริวงศ์ รอง ผกก.ตม.ชลบุรี พร้อมชุดสืบสวน สภ.ห้วยใหญ่, สืบจังหวัดชลบุรี, สืบภาค2, ตำรวจท่องเที่ยว, ตรวจคนเข้าเมืองชลบุรี, และศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 เขตชลบุรี, ประชุมติดตามความคืบหน้า เพื่อเร่งคลี่คลายคดีดังกล่าว โดยมีการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนจะออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนที่เฝ้าทำข่าวติดตามคดีอย่างใกล้ชิด
พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นสำหรับทรัพย์สินที่สูญหายไปกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าภายในตู้เซฟมีทรัพย์สินอะไรบ้าง เนื่องจากเป็นของเจ้าของบ้านชาวจีน ซึ่งเดินทางกลับประเทศไปเมื่อประมาณหลายปีก่อน โดยผู้แจ้งคนจีนซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติหรือคนในครอบครัวเจ้าของบ้าน และมาพักอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวได้ประมาณ 4 เดือน ซึ่งยังไม่มีสามารถยืนยันได้ว่าทรัพย์สินภายในตู้เซฟมีอะไร อยู่ในระหว่างประสานและตรวจสอบในประเด็นนี้อยู่
โดยจากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบกล่องไม้เก็บนาฬิกา ที่หาซื้อได้ตามตลาดนัดและร้านค้าออนไลน์ จึงทำให้ไม่สามารถระบุว่าได้ นาฬิกาหรูที่หายนั้นเป็นยี่ห้ออะไร ส่วนแนวทางการสืบสวน พบว่าวันนี้มีความชัดเจนขึ้น ซึ่งมีกลุ่มคนร้ายอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 คน เข้าไปก่อเหตุบ้านหลังดังกล่าว และอยู่ในระหว่างพิสูจน์ทราบคนร้าย โดยเชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีข้อมูลและรู้ความเคลื่อนไหวภายในบ้าน และเจาะจงเข้ามาลงมือที่บ้านหลังเกิดเหตุเลย
ซึ่งคาดว่าต้องมีคนในแจ้งเบาะแส และอาศัยจังหวะคนดูแลบ้านไปเที่ยวกับครอบครัวพอดี ประเด็นตรงนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบหาความเชื่อมโยง หลังจากการประชุมได้มีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน และเชื่อว่าจะมีความชัดเจนในคดีนี้อีกในไม่ช้า
ขณะที่ นายเฉา หยู่เชา อายุ 44 ปี คนจีน ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าบ้านพักหลังเกิดเหตุ ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ เพื่อให้สอบสวนอีกครั้ง หลังจากพบพิรุธและพยานหลักฐานขัดแย้งหลายอย่าง โดยเจ้าตัวเดินทางมาพร้อมครอบครัว ซึ่งทีมข่าวพยายามเข้าไปสอบถามข้อมูล เจ้าตัวได้แต่หลบหน้านักข่าว และไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ ก่อนจะพาครอบครัวขับรถยนต์ออกจากโรงพักในทันที
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิด ภายในบ้านพักหลังเกิดเหตุพบว่าคนร้ายมาด้วยกันจำนวน 2 คน สวมชุดปิดคลุมมิดชิด ใส่โม่งปิดบังใบหน้า ใช้เครื่องงัดประตูห้องเข้ามาแล้ว ใช้ไฟฉายส่องหาทรัพย์ ก่อนลงมือรื้อค้น เมื่อหนึ่งในคนร้ายเห็นกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ ได้รีบเดินตรงเข้ามาหันกล้องส่องเข้าผนังของห้อง ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ในระหว่างแกะรอยคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมาย.
อติชาตสุขยืนรายงาน