วันเสาร์, พฤศจิกายน 15, 2025
หน้าแรกคอลัมนิสต์สุรชา บุญเปี่ยมแก้กฎหมายประมง หายนะท้องทะเลไทย ?

แก้กฎหมายประมง หายนะท้องทะเลไทย ?

ใครที่ติดตามการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อช่วงใกล้สิ้นปี 2567 เป็นประเด็นต่อเนื่องมาถึงต้นปีนี้ คงได้เห็นการถกเถียงเรื่องการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ซึ่งเป็นกฎหมายประมงที่ออกมาในสมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประเด็นสำคัญตามร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมฯ มาตรา 23 คือการแก้ไขมาตรา 69 ในพระราชกำหนดการทำประมงที่บัญญัติว่า “ ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อม ที่มีช่องตาอวนเล็กกว่าสองจุดห้าเซนติเมตรทำการประมงในเวลากลางคืน” โดยให้ยกเลิก และให้ใช้ตามที่บัญญัติใหม่ในร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมฯ ว่า “ ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อม ที่มีช่องตาอวนเล็กกว่าสองจุดห้าเซนติเมตรทำการประมงในเขตสิบสองไมล์ทะเลนับจากแนวทะเลชายฝั่งในเวลากลางคืน

การทำการประมงนอกเขตสิบสองไมล์ทะเลตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข พื้นที่ ตามที่รัฐมนตรีมีประกาศกำหนด ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวต้องกำหนดในเรื่องการใช้แสงไฟล่อไว้ด้วย”

หมายความว่า มาตรา 69 ที่แก้ไขเพิ่มเติม อวนที่มีตาเล็กกว่า 2.5 ซม.ที่เรียกกันว่าอวนตาถี่หรืออวนตามุ้ง สามารถใช้ทำประมงในเวลาอื่นได้ และสามารถทำได้นอกเขต 12 ไมล์ทะเลนับจากชายฝั่ง

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบ 239 เสียง จากจำนวนผู้ลงมติ 383 คน ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ผ่านเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา เป็นการพิจารณาวาระ 1 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบรับหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ด้วยเสียง 165 เสียง และมีการตั้งกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษา 21 คน ก่อนพิจารณาต่อไป

การพิจารณาแก้ไขพระราชกำหนดประมง พ.ศ.2558 โดยเฉพาะมาตรา 69 มีผู้คัดค้านไม่เห็นด้วยจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้านติดชายฝั่งทะเล 22 จังหวัด ภาคประชาสังคม มีการเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมคัดค้านร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้หลายประเด็น ประเด็นหลักคือไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 69 โดยให้เหตุผลสรุปได้ว่า การทำการประมงด้วยอวนล้อมจับที่มีช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตรในเวลากลางคืนทุกพื้นที่ในทะเล (รวมถึงพื้นที่นอกแนวทะเลชายฝั่ง 12 ไมล์ทะเล )ในทางปฏิบัติของการทำประมงในเวลากลางคืน ต้องใช้วิธีจับปลาประกอบกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าปั่นไฟล่อสัตว์น้ำ การทำประมงด้วยช่องตาอวนถี่ซึ่งโดยทั่วไปใช้จับปลาขนาดเล็กมากคือปลากะตัก จะติดลูกปลาซึ่งเป็นสัตว์น้ำวัยอ่อนเข้ามาด้วย จึงเป็นการประมงที่ทำลายพันธุ์สัตว์น้ำ เพราะสัตว์น้ำวัยอ่อนถูกทำลายก่อนวจะเติบโตเต็มที่เป็นการทำลายห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศ

เหตุผลของกลุ่มผู้คัดค้านการแก้ไขกฎหมายประมงฉบับเดิมคือพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 เครือข่ายประมงพื้นบ้าน สมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย ภาคประชาสังคมด้านสิ่งแวดล้อม ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อวุฒิสภาไปแล้ว โดยเรียกร้องให้พิจารณาหลายข้อ ข้อสำคัญคือเรียกร้องให้ยกเลิกการแก้ไขพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 มาตรา 69 ให้กลับไปใช้บทบัญญัติที่ตราไว้เดิม ความว่า “ห้ามใช้เครื่องมืออวนล้อมจับที่มีช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร ทำการประมงในเวลากลางคืน”

ในอีกแง่มุมหนึ่ง พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ที่บังคับใช้มาจนถึงปัจจุบัน เป็นกฎหมายที่ออกมาในสมัย คสช. ซึ่งรัฐบาลจากคณะรัฐประหารในเวลานั้นให้เหตุผลว่าต้องการจะแก้ไขปัญหาการประมงโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (IUU Fishing) พรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเห็นว่าเป็นการออกกฎหมายฉบับนี้อย่างเร่งรีบและขาดการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จึงมีการเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการแก้กฎหมายประมง ซึ่งมีการถกเถียงกันทั้งในสภาและนอกสภา ประเด็นที่พูดถึงกันมากก็คือมาตราที่ 69 ตามพระราชกำหนดการประมง ซึ่งฝ่ายคัดค้านเห็นว่า ถ้าแก้ไขมาตรานี้ก็จะทำให้ท้องทะเลไทยจะมีสภาพถึงขั้นหายนะ เพราะจะทำให้สัตว์น้ำวัยอ่อนถูกทำลาย ไม่อยู่รอดเติบโตเป็นทรัพยากรทางทะเลต่อไปได้

ต้องติดตามกันต่อว่าวุฒิสภาจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ในวาระต่อไปและมีมติออกมาอย่างไร ซึ่งจะรู้ผลในอีกไม่นานนี้

สุรชา บุญเปี่ยม / รายงาน

Get notified whenever we post something new!

spot_img

Create a website from scratch

Just drag and drop elements in a page to get started with Newspaper Theme.

Continue reading

ช็อก! ตากแดด 7 โมงเช้า “สูญเปล่า” หมอเอ๋ชี้ พลาด “วิตามินดี” และประโยชน์เทียบชั้น “ไวอาก้า”

https://youtu.be/OTI7Cp1hwlg “...คนไทยจำนวนมากยังคงเชื่อฝังใจว่า การตากแดดเช้าตรู่ 7-8 โมงเช้า คือเวลาที่ดีที่สุดต่อสุขภาพ แต่ความเชื่อนี้ อาจกำลังทำร้ายสุขภาพคนไทยโดยไม่รู้ตัว! "สืบสุขภาพ" เปิดประเด็นสุขภาพที่น่าตกใจ เมื่อการตากแดดของเรา อาจกลายเป็นความพยายามที่ "สูญเปล่า" และยังทำให้เราพลาดประโยชน์ลับในการ "ขยายหลอดเลือด" ซึ่งเป็นกลไกเดียวกับที่ "ไวอาก้า" ใช้! นี่คือความจริงที่คนไทยต้องรู้ ก่อนที่การขาดวิตามินดีจะกลายเป็นวิกฤติเงียบ เรื่องนี้กระทบสุขภาพคนไทยมากกว่าที่คิดหรือไม่?...” "สืบสุขภาพ" ได้รับการยืนยันข้อเท็จจริงทางการแพทย์ที่สวนกระแสความเชื่อดั้งเดิม จาก “คุณหมอเอ๋” นาวาเอก นายแพทย์ พนิต จันทรภักดี ผู้เชี่ยวชาญที่ชี้ชัดว่า ความพยายามตากแดดเพื่อสังเคราะห์วิตามินดีในตอนเช้าตรู่ อาจเป็นความพยายามที่ "ไร้ผล" “คุณหมอเอ๋” น.อ.นพ.พนิต วิเคราะห์ปรากฏการณ์นี้ว่า "สิ่งที่เราต้องการจากการตากแดด คือวิตามินดี ซึ่งร่างกายจะสังเคราะห์ได้เมื่อผิวหนังโดนรังสียูวีบี (UVB) เท่านั้น" ปัญหาคืออะไร? ปัญหาคือคนไทยเลือกเวลาตากแดดผิด! “คุณหมอเอ๋”...

ลั่นไก…ล้มโต๊ะ! ถอดรหัส “วีระ” ชำแหละเกมเขมร “สร้างสถานการณ์” ปมเลือดชายแดน ปฏิบัติการสกัดปักปัน หรือใบสั่ง “มือที่สาม”

https://youtu.be/SSsw8-Vg2GI “...เสียงปืนที่ชายแดน ยังไม่ดังเท่าเสียงท้าทายจาก "วีระ สมความคิด" ที่อัด "อนุทิน" ไม่จริงใจแก้ปัญหาชาติ ซัดภาพน้ำตาเป็นแค่ "ละครการเมือง" ท้าลั่น "ให้ผมเป็นนายกฯ 4 เดือน" จะล้างบางสแกมเมอร์-ทวงอธิปไตยให้ดู... ถาม “ปัญหาอยู่ที่เขมร หรืออยู่ที่ "ผู้นำไทย" ที่ไม่กล้า”?..” “สืบจากข่าว” ทำการถอดรหัสบทวิเคราะห์สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จาก “วีระ สมความคิด” หลังเกิดเหตุปะทะล่าสุดที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งทหารไทยต้องสูญเสียอวัยวะ (ขาขาด) เป็นรายที่ 7 และนำไปสู่ท่าที "ขึงขัง" ของนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศว่า "ปฏิญญาสันติภาพ" ที่เพิ่งลงนามไปนั้น "ยุติ" แล้ว ประเด็นที่ต้องจับตาคือ เหตุการณ์นี้มี “ความคล้ายคลึง” อย่างน่าสงสัย...

“ภาษาจีน “แพร่หลายทุกทิศทาง”“ ทั้งโลกใช้กันทั่วไป “พร้อมกับ “การค้าการลงทุน”

“….ในบริบทที่ทั้งโลกเชื่อมโยงกันเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันทางด้านการรับรู้ ด้วยระบบการสื่อสารไวเท่าแสงหลากหลายช่องทางอย่างเช่นทุกวันนี้ ข่าวคราวความเจริญก้าวหน้าของจีนแพร่กระจายไปทุกทิศทาง สะท้อนถึงพลังการผลิตมหาศาลของจีนที่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด โดยมีผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีล้ำยุคเป็นตัวนำ จากนี้ จึงไม่มีเหตุผลใดๆที่จะมายับยั้งการแพร่หลายของภาษาจีนไปทั่วโลก จะมากขึ้นและเร็วขึ้นตามการขยายตัวในมิติต่างๆของจีน ซึ่งในระดับรัฐ โครงการ"ขงจื่อเสวเวี้ยน" หรือสถาบันภาษาจีนขงจื่อได้กระจายแพร่หลายไปในหลายสิบประเทศ สามารถผลิตบุคลากรทางด้านภาษาจีนที่มีมาตรฐานในทุกทวีปนับหมื่นนับแสน และในระดับท้องถิ่น มีโรงเรียนสอนภาษาจีนเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด โดยแต่ละโรงเรียนจะได้รับแรงสนับสนุนจากชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลอย่างแข็งขัน ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศมาเลเซีย ที่ได้ดำรง"ระบบนิเวศ" การสอนภาษาจีนที่เป็นของตนเองได้สมบูรณ์ที่สุด เป็นรองเพียงแผ่นดินใหญ่จีนเท่านั้น จำนวนนักเรียนที่เรียนภาษาจีนนับวันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ โดยเฉพาะในประเทศที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับจีนมากๆ เช่นลาว เวียดนาม หรือกระทั่งประเทศไทย…” https://youtu.be/UwcZZGLHmb0 ภาษาจีน ทั้งโลกใช้กันทั่วไป 中文,全球通用 ยังครับ สิ่งที่ผู้เขียนพาดหัวนี้ ปัจจุบันยังไม่ปรากฏนะครับ แต่ก็เชื่อได้ว่า มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และเป็นไปอย่างรวดเร็วด้วย ด้วยแนวคิดที่ยึดเอาประวัติศาสตร์วิวัฒนาการของพลังการผลิตเป็นฐาน การบริหารปกครองเป็นองค์ประกอบ ทำให้ผู้เขียนสามารถล้วงลึกลงไปถึงแก่นแท้ของการขับเคลื่อนของกงล้อประวัติศาสตร์ แล้วสะท้อนออกมาเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปธรรมที่เราๆท่านๆเข้าใจได้ อีกนัยหนึ่ง ผู้เขียนใช้เครื่องมือชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่าวัตถุนิยมประวัติศาสตร์จับทิศทางการขับเคลื่อนของสังคมโลก เข้าถึงกฏเกณฑ์การขับเคลื่อนของสังคมโลก โดยเฉพาะในบริบทที่ทั้งโลกเชื่อมโยงกันเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันทางด้านการรับรู้ ด้วยระบบการสื่อสารไวเท่าแสงหลากหลายช่องทางอย่างเช่นทุกวันนี้ สิ่งที่ผู้เขียนนำเสนอย่อมง่ายมากที่จะเป็นที่เข้าใจของคนทั่วไป ที่เด่นชัดที่สุดก็เรื่องจีน...

Enjoy exclusive access to all of our content

Get an online subscription and you can unlock any article you come across.