วันเสาร์, สิงหาคม 16, 2025
หน้าแรกคอลัมนิสต์สุรชา บุญเปี่ยมฝุ่น PM2.5 ภัยเงียบคุกคามสุขภาพประชาชน

ฝุ่น PM2.5 ภัยเงียบคุกคามสุขภาพประชาชน

ช่วงต้นปี 2562 หรือเมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูหนาวต่อฤดูร้อน เกิดปรากฏการณ์ฝุ่นปกคลุมกรุงเทพมหานคร บางส่วนของภาคภาคกลาง ภาคอีสาน ในภาคเหนือโดยเฉพาะภาคเหนือตอนบนฝุ่นปกคลุมแทบทุกพื้นที่ทุกจังหวัด คนไทยได้รับรู้ว่าฝุ่นที่เกิดขึ้นคือฝุ่น PM2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดจิ๋วที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน เป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนชี้วัดคุณภาพอากาศ ซึ่งต่อมาคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้ประกาศเตือนเมื่อปี 2566 ว่า ฝุ่นละอองที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ต้องไม่เกิน 37.5 ไมครอนกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) จึงจะปลอดภัยต่อสุขภาพคนทั่วไป

ฝุ่น PM2.5 เกิดขึ้นทุกปี สถานการณ์ปีนี้มีรายงานอย่างเป็นทางการผ่านสื่อแทบทุกแขนงว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 อยู่ในขั้นรุนแรง โดยตามข้อมูลของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)  รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เมื่อวันพุธ 22 มกราคม ที่ผ่านมา เวลา 07.00 น.ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล มีฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานทุกเขต โดย 3 อันดับแรก อันดับ 1 คือเขตหนองแขม 104.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก/ลบ.ม.)ตามมาด้วยเขตบางบอน 97.1 มคก./ลบ.ม. และเขตทวีวัฒนา 95.6 มคก./ลบ.ม.

สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ล่าสุดขณะรายงาน วันที่ 24 ม.ค. 2568 ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 24 มกราคม 2568 เวลา 7.00 น. สรุปภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานใน 60 จังหวัดในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน โดยภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 16.0 – 82.2 ไมโครกรัม /ลูกบาศก์เมตร (มคก/ลบ.ม.)

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 34.9 – 85.6 มคก./ลบ.ม.
ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 34.8 – 113.5 มคก./ลบ.ม.
ภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 55.8 – 105.0 มคก./ลบ.ม.
ภาคใต้ เกินค่ามาตรฐาน 1 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 19.0 – 41.5 มคก./ลบ.ม. กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 61.2 – 112.4 มคก./ลบ.ม.

ที่ผ่านมา สถาบันวิจัยทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศวิเคราะห์ วิจัยสาเหตุของการเกิด PM 2.5 พบว่าส่วนใหญ่เกิดจากการเผาไหม้ ทั้งจากเครื่องยนต์ของยานพาหนะ และการเผาวัสดุต่างๆ รวมถึงวัสดุทางการเกษตร โดยข้อมูลจากกรมมลพิษ และกระทรวงพลังงาน พบว่า สาเหตุของ PM2.5 ในประเทศไทยมาจากการเผาในที่โล่ง เป็นแหล่งกำเนิดของ PM 2.5 มากที่สุด ตามด้วยอุตสาหกรรมการผลิต และการขนส่ง สำหรับฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพมหานคร สาเหตุหลักมาจากยานพาหนะรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และการเผาทำให้เกิดโดยเฉพาะการเผาวัสดุทางการเกษตร เป็นฝุ่นที่ลอยมาจากรอบนอกกรุงเทพมหานครเมื่อประกอบกับสภาพอากาศปิดทำให้มีฝุ่นปกคลุมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ปีนี้ คุณภาพอากาศอยู่ในขั้นย่ำแย่ ทำให้โรงเรียนในกรุงเทพมหานคร 103 โรงเรียน ต้องปิดเรียนชั่วคราวหลายวัน เพื่อไม่ให้นักเรียนได้รับฝุ่นจนมีปัญหาด้านสุขภาพ

ในทางการแพทย์ ฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน มีรายงานว่าปีที่ป่านๆมา มีผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพราะได้รับฝุ่น PM 2.5 จำนวนมาก โดยจากเว็บไซต์โรงพยาบาลศิครินทร์ เผยแพร่ข้อมูลทางการแพทย์ไว้อย่างน่าสนใจ จึงขออ้างอิงในบทความนี้ด้วยเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน

“ ฝุ่นสามารถเข้าสู่ทางโพรงจมูก แล้วเข้าสู่กระแสเลือด นอกจากนี้แล้ว ฝุ่นยังเป็นพาหะนำสารอื่นเข้ามาด้วย เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะหนักไฮโดรคาร์บอน และสารก่อมะเร็งจำนวนมาก ด้วยขนาดที่เล็กของ PM 2.5 ทำให้ฝุ่นละอองชนิดนี้สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และแทรกซึมสู่กระบวนการทำงานในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น มะเร็งปอด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจขาดเลือด หลอดเลือดในสมอง ติดเชื้อเฉียบพลันในระบบหายใจส่วนล่าง โรคผิวหนัง ภูมิแพ้ ไซนัส
ที่น่ากลัวกว่านั้น มีข้อมูลจากสมาคมโรคหัวใจของอเมริกาว่า หากคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น ความดัน ไขมัน เบาหวาน โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมอง สัมผัสกับฝุ่นควัน PM 2.5 เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง จะกระตุ้นให้เกิดอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หัวใจวาย เส้นเลือดในสมองตีบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจถึงเสียชีวิต ได้เลย “

ฝุ่น PM2.5 จึงเป็นภัยคุกคามสุขภาพประชาชนคนไทย ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุน สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ) ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่ค่าเกินมาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในหลายพื้นที่ พบว่ามีประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานกว่า 38 ล้านคนในจำนวนนี้ 15 ล้านคน เป็นกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และ 6 ล้านคน เป็นเด็กและเยาวชน มีจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศสูงถึง 12 ล้านคน ซึ่งจะมีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนผ่านการออกกฎหมายผ่านสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

ฝุ่น PM2.5 เป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อสุขภาพประชาชนในระยะยาว กรมการแพทย์ได้เผยแพร่วิธีการให้ประชาชนดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5 ด้วยการสวมหน้ากาก N95 หรือหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี คือ คลุมจมูกลงมาถึงใต้คาง และต้องแนบสนิทกับใบหน้า เพื่อป้องกันฝุ่น เลี่ยงกิจกรรมนอกบ้าน ในบริเวณที่มีค่ามลพิษอากาศสูง หมั่นทำความสะอาดบ้าน เพื่อลดการสะสมของฝุ่นภายในบ้าน เลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM2.5 เช่น การเผาขยะ การเผาหญ้า การจอดรถติดเครื่องยนต์ไว้เป็นระยะเวลานาน และตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้อยู่ในสภาวะปกติ ไม่ก่อควันดำ หากพบว่าตนเองมีอาการผิดปกติของร่างกาย เช่น ไอ เหนื่อย แน่นหน้าอก ควรปรึกษาแพทย์ทันที และที่สำคัญ ควรติดตามข้อมูลข่าวสารด้านมลพิษทางอากาศเป็นประจำ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและความปลอดภัยต่อสุขภาพ

ฝุ่น PM2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน หน่วยงานของรัฐหลายภาคส่วนมีหน้าที่แก้ปัญหา ขณะเดียวกัน ประชาชนก็ต้องป้องกันตนเองอย่างถูกวิธีด้วย เพราะสุขภาพของประชาชนแต่ละคนเป็นเรื่องสำคัญ การได้รับฝุ่น PM2.5 สะสมในร่างกายอาจไม่เห็นอาการเจ็บป่วยในวันนี้แต่จะส่งผลให้เกิดโรคที่เกี่ยวเนื่องในระยะยาวก็ได้

Get notified whenever we post something new!

spot_img

Create a website from scratch

Just drag and drop elements in a page to get started with Newspaper Theme.

Continue reading

คำตอบจากใจ “บิ๊กป้อม”

“...ควันหลงวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 79 ปี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้อนรับ บุคคลใกล้ชิด ทั้งทหารตำรวจ นักการเมือง รวมทั้งสื่อมวลชน พร้อมคณะต่างๆ ร่วมอวยพรจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศเรียบง่าย เป็นกันเอง...” เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในงาน มีผู้คนจำนวนมาก ทุกคน ทุกคณะ มาแสดงความเคารพเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 79 ปื ของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วยความเคารพรัก ความผูกพัน เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตากับทุกคน เป็นที่เคารพนับถือของผู้คน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ รวมทั้งข้าราชการ นักการเมือง...

เกมดึงอดีตขุนพลเพื่อไทย

ในจังหวะที่สมรภูมิการเมืองไทยกำลังร้อนแรง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายใต้การนำของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ปรับหมากรุกครั้งสำคัญ ด้วยการเปิดประตูรับอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทยจำนวนมากเข้าสู่ทีม ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เพียงส่งสัญญาณท้าทายคู่แข่ง แต่ยังสะท้อนวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างเครือข่ายอำนาจการเมืองข้ามขั้วอย่างชัดเจน การย้ายขั้วที่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ กระแสข่าวระบุว่าบุคคลที่ตัดสินใจเข้ามาร่วม พปชร. ล้วนเคยมีบทบาทสำคัญในพื้นที่เลือกตั้งเดิมของเพื่อไทย การเคลื่อนกำลังครั้งนี้จึงอาจไม่ใช่เพียงการ “รับคน” แต่เป็นการ “ดึงฐานเสียง” มาเสริมทัพอย่างตรงจุด โดยเฉพาะในจังหวัดที่ถูกมองว่าเป็นฐานเสียงเหนียวแน่นของอีกฝ่าย กลยุทธ์ "รวมพลัง" หรือ "แย่งพลัง"? การเคลื่อนไหวนี้ทำให้เกิดคำถามทางการเมืองสำคัญ—นี่คือการรวมพลังเพื่อต่อสู้กับพรรคการเมืองคู่แข่ง หรือคือการแย่งชิงพลังจากฝ่ายตรงข้ามเพื่อลดความแข็งแกร่งของเขตเลือกตั้ง? ในมิติยุทธศาสตร์ หาก พปชร.สามารถเปิดพื้นที่ในฐานเสียงเดิมของเพื่อไทยได้ ก็อาจเปลี่ยนสมการการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างมีนัยสำคัญ พลเอกประวิตรในบทผู้ออกแบบเกมเลือกตั้ง แม้จะไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เชิงลึก แต่ทิศทางการเคลื่อนไหวชี้ให้เห็นถึง วิสัยทัศน์เชิงเครือข่าย ของพลเอกประวิตร ที่มักมองการเมืองแบบ “เก็บทุกแรง” ไม่ทิ้งโอกาส ไม่ปิดประตูต่ออดีตคู่แข่ง การดึงอดีตนักการเมืองจากฝั่งตรงข้ามเข้ามา อาจสะท้อนภาพลักษณ์ผู้นำที่มุ่งใช้ประสบการณ์และสายสัมพันธ์ส่วนตัว เพื่อเสริมแกร่งให้กับพรรคในทุกสมรภูมิ คำถามที่สังคมจับตา การรวมอดีตคู่แข่งจะนำไปสู่ความสามัคคีจริง หรือจะเกิดความแตกแยกภายใน? การดึงตัวบุคคลสำคัญจากเพื่อไทยครั้งนี้ จะเพียงพอเปลี่ยนดุลอำนาจในพื้นที่เลือกตั้งสำคัญหรือไม่? และสุดท้าย—นี่คือสัญญาณของการต่อสู้ระหว่างขั้วอำนาจเก่ากับขั้วอำนาจใหม่ หรือเป็นเพียงการปรับสมดุลเพื่อความอยู่รอดของพรรค? สิ่งที่แน่ชัดคือ...

“อุ๊” เชียร์ “ลุงป้อม” เป็นนายกฯ

อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดัง โพสต์ข้อความว่า เมื่อวานนี้ 11 สิงหาคม 2568 อุ๊ไปร้องเพลงที่งานวันเกิด ท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (ลุงป้อม) อุ๊ได้ถามท่านเรื่อง ปัญหาไทย-กัมพูชา เราควรแก้ปัญหาอย่างไร ลุงป้อมบอกว่า ต้องยกเลิก MOU 43-44 เคลียร์เรื่องพรมแดนให้ชัด และแนวชายแดนไทย-กัมพูชาต้องสร้าง “กำแพง” ไม่ให้กัมพูชาล้ำเขตแดนเราได้อีกต่อไป https://youtube.com/shorts/Ciwgn2Of0GY งั้นอุ๊จะขอสนับสนุน ขอเชียร์ลุงป้อม ขอให้ลุงป้อมเป็นนายกฯสมัยหน้านะคะ เราอาจจะได้เห็นกำแพงเมืองไทยค่ะ ลุงป้อมให้กล้องยาสูบเป็นที่ระลึก อุ๊ไม่รู้เลยว่าเป็นของแพงมาก เพื่อนในงานบอกถึงได้รู้ว่า ท่านสะสมไปป์เป็นคอลเลคชั่น ที่ท่านให้อุ๊มาเป็นไปป์ที่ทำจากต้นกุหลาบ เป็นหนึ่งใน Collection ของลุง ว้าววววววๆ เหมาะมากเลย อุ๊ชอบมาก ขอบคุณลุงป้อมมากๆๆๆนะคะ ก่อนกลับอุ๊ขอโรตีกลับบ้านด้วย เพราะลูกชอบกิน อร่อยมาก...

Enjoy exclusive access to all of our content

Get an online subscription and you can unlock any article you come across.