วันเสาร์, มีนาคม 1, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบเครือข่ายบริษัท E-Money เถื่อน พบเงินหมุนเวียนรวมกันกว่า 1,000 ล้านบาท

Related Posts

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบเครือข่ายบริษัท E-Money เถื่อน พบเงินหมุนเวียนรวมกันกว่า 1,000 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วงศ์ปกรณ์ เปรมกุลนันท์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี, พ.ต.ท.วิวัฒนชัย คลื่นแก้ว, พ.ต.ท.จักรี กันธิยะ และ พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ รอง ผกก.5 บก.ปอศ.

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ มอญรัตน์, ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ สว.กก.5 บก.ปอศ. และ ร.ต.อ.บัญชา ช่วยรอดหมด รอง สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ.

พฤติการณ์ ปัจจุบัน มีผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มบนเว็บไซต์ซึ่งมีลักษณะเป็นตัวกลาง ให้ผู้ใช้บริการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ประชาชนผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงได้ง่าย และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างมาก โดยผู้ใช้บริการต้องสมัครสมาชิกและเปิดบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์กับบริษัทฯ บนเว็บไซต์ พร้อมทั้งเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของบริษัทฯ ไว้ล่วงหน้า ทำให้มีเงินจากภาคประชาชนหลั่งไหลเข้าไปในระบธุรกิจดังกล่าว เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากการประกอบธุรกิจดังกล่าวไม่ได้ผ่านการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือเป็นการประกอบธุรกิจโดยมิจฉาชีพ มีการนำเงินออกนอกประเทศโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน ได้เป็นวงกว้างเช่นกัน

ดังนั้น ในการประกอบธุรกิจดังกล่าว จึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบและอนุญาต ให้ดำเนินการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดมาตรการในการตรวจสอบ และควบคุม ภายใต้ พ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 เพื่อป้องกันความเสี่ยงและความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจและประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.5 บก.ปอศ. จึงได้ดำเนินการตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มบนเว็บไซต์ในลักษณะดังกล่าว พบบริษัทที่มีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดอันเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 ในรูปแบบการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 5 บริษัท

จากผลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าทั้ง 5 บริษัทดังกล่าวข้างต้น มีการประกอบธุรกิจในลักษณะเป็นการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือค่าอื่นใด แทนการชำระด้วยเงินสดจริง มียอดเงินหมุนเวียนรวมกันกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมิได้มีการขออนุญาต ในการประกอบธุรกิจดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้น กรณีจึงเป็นการประกอบธุรกิจการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้น ต่อศาลเพื่อเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย จำนวน 4 จุดดังต่อไปนี้
​​จุดที่ 1 : สำนักงานแห่งใหญ่ บริษัทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บางแขม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ตามหมายค้นศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 93/2568 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568
​จุดที่ 2 : สถานีขนส่งสินค้า บริษัท ในซอยเพชรเกษม 99 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน
จ.สมุทรสาคร ตามหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ ค.67/2568 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568​​
จุดที่ 3 : บ้านหลังหนึ่ง ถนนนวมินทร์ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสำนักงานแห่งใหญ่ของ 4 บริษัท ตามหมายค้นศาลอาญา ที่ 122/2568 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 จำนวน 3 บริษัท และตามหมายค้นศาลอาญา ที่ 131/2568 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 จำนวน 1 บริษัท
​จุดที่ 4 : สถานีขนส่งสินค้า แขวงคลองสามประเวศ เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญามีนบุรี ที่ ค.105/2568 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นสถานีขนส่งสินค้าของ 3 บริษัท

ผลการดำเนินการสามารถดำเนินคดีและกล่าวโทษต่อผู้กระทำความผิดได้จำนวน 11 ราย พร้อมทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหลายรายการ ประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ PC จำนวน 6 เครื่อง และพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงได้กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป
​ร่วมกันดำเนินคดีและกล่าวโทษกับกลุ่มผู้ต้องหา
​1.นายธนเกียรติ ฯ อายุ 29 ปี ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจฯ และในฐานะนิติบุคคล 1 บริษัท
​​2.นายธนวัฒน์ ฯ อายุ 32 ปี ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจฯ และในฐานะนิติบุคคล 4 บริษัท
​3.นายธิติพัฒน์ ฯ อายุ 30 ปี ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจฯ และในฐานะนิติบุคคล 1 บริษัท

​โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันการประกอบธุรกิจการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง”​
​​
สุดท้ายนี้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน ร้านค้า และสถานประกอบการ ให้เลือกใช้บริการ E -Money หรือการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์จากผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตโดยต้องตามกฎหมายเท่านั้น รวมทั้งควรศึกษา และตรวจสอบเงื่อนไขของการใช้บริการด้วยความละเอียดรอบคอบก่อนการทำธุรกรรมทางการเงินทุกครั้ง เพื่อป้องกันการสูญเสียทรัพย์สินให้กับมิจฉาชีพ หรือได้รับสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ไม่ตรงตามความต้องการ

​ทั้งนี้ หากท่านมีข้อสงสัยถึงการดำเนินการธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องโดยทันที หากต้องการตรวจสอบข้อมูลผู้ประกอบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย

สามารถตรวจสอบข้อมูลผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตได้ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย เว็บไซต์ https://app.bot.or.th/BotLicenseCheck

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ สว.กก.5 บก.ปอศ. 092- 938 8593

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts