เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 9 เม.ย.68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม.
ภายหลังผู้เสียหายออกรายการดัง“โหนกระแส”แล้ว ทีมงานของ กัน จอมพลัง“พา “คะน้า ริญญารัตน์ วัชรโรจน์สิริ”ดารานักแสดงช่องมากสี พร้อมด้วย ปาล์มมี่ เจ้าของธุรกิจร้านอาหาร สองสาวที่เคยถูก ไฮโซฮอต ซึ่งเป็นไฮโซเก๊ หลอกลวง จนกลายเป็นกระแส ไฮโซเก๊คะน้า หรือไฮโซฮอตคะน้า รวมตัวกันเดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อนำพยานหลักฐาน ประกอบด้วย
แชทข้อความสนทนาในลักษณะหมิ่นเหม่ วัตถุพยานจำพวกทองคำ และ แหวนเพชร หรือเครื่องประดับอื่นๆที่เป็นของปลอม มามอบให้กับทางพนักงานสอบสวน เพื่อนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในคดีที่เคยเข้าแจ้งความดำเนินคดี ไฮโซเก๊ ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ไว้เมื่อวาน(8เม.ย.68)ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าขณะที่ คะน้า เดินทางมาถึง ศูนย์รับแจ้งความกองชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ สอท.1 รับมอบหมายจาก พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 มาประสานขอข้อมูลเกี่ยวกับนายฮอตไฮโซเก๋ กรณีที่แอบอ้างนายกอุ๋งอิ๋ง เพื่อนำไปสืบสวนสอบสวนและเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินคดีตามที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี รับมอบอำนาจ เข้าแจ้งความตำรวจ สอท.1 วานนี้
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหายและพยานที่เกี่ยวข้อง และรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพราะพฤติกรรมของ ไฮโซฮอต เข้าข่ายความผิดหลายข้อหา ทั้งเรื่องฉ้อโกง , ม.112 , ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ,พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ , และความผิดเกี่ยวกับการแอบอ้างแต่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นต้น จึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานก่อน แต่คาดว่าในส่วนของความผิดตามมาตรา 112 หลักฐานค่อนข้างชัดเจน ทั้งจากหลักฐานแชต และคำให้การของ “คะน้า” ทำให้มีมูลฟังได้ว่ากระทำผิด จึงน่าจะสามารถออกหมายจับได้ภายในสัปดาห์นี้
พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนจะต้องเร่งดำเนินคดีให้เร็ว เพราะหากล่าช้าแล้วศาลเกิดให้ประกันตัวคดีหมายจับเก่าของไฮโซฮอตขึ้นมา ก็อาจทำให้ตำรวจตามตัวกลับมาดำเนินคดีได้ยาก และการจะไปอายัดตัวได้ก็ต้องมีหมายจับเสียก่อน ดังนั้นก็จะเร่งดำเนินการในส่วนนี้
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 กล่าวว่า หลังจาก พนักงานสอบสวน บก.สอท.1 รับแจ้งทั้ง 2 คดีได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.1บก.สอท.1 และพนักงานสอบสวนบก.สอท.1 นำหมายเรียกผู้ต้องหา ไปส่งให้ นายธัญเทพ ณ โรงพยาบาลที่พักรักษาตัวอยู่ เพื่อมาให้ปากคำทั้งสองคดี ในความผิดฐาน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นฯ ซึ่งการกระทำผิดดังกล่าว ทำให้ผู้อื่นที่ได้พบเห็นอาจเข้าใจผิดว่าเป็นการสนทนาระหว่างผู้กล่าวหา กับนายธัญเทพ โดยนัดหมายให้มาพบ มาพบ พนักงานสอบสวน บก.สอท.1 ในวันที่ 17 เม.ย. 2568 เวลา 10.30-11.30 น. ณ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อาคาร B ชั้น 4
