นายสุรพงษ์ กองจันทึก เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการทำหน้าที่ในการส่งเสริมการศึกษาให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษา ไม่ว่าโดยวิธีการใด เนื่องจากพบเด็กจำนวนนับแสนที่เข้าไม่ถึงระบบการศึกษา
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีความพยายามของเจ้าหน้าที่รัฐที่จะเข้าตรวจสอบและปิดการดำเนินการเรียนมารสอนของศูนย์การเรียนรู้เด็กข้ามชาติในหลายพื้นที่ ซึ่งส่งผลให้เด็กข้ามชาติจำนวนนับแสนคน อาจไม่ได้รับการศึกษา
เริ่มจากกลุ่มไทยไม่ทนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองสมุทรสาครเข้าตรวจสอบและเตรียมดำเนินคดีกับศูนย์การเรียนรู้ที่เปิดการเรียนการสอนในห้างแห่งหนึ่งที่สมุทรสาคร รวมถึงห้างที่ให้เช่าพื้นที่ จนศูนย์การเรียนต้องปิดการเรียนการสอน
ขณะที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการจัดตั้งศูนย์การเรียนตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสั่งให้ศูนย์การเรียนและสถานศึกษาไปดำเนินการจัดตั้งศูนย์การเรียนหรือสถานศึกษาให้มีสถานะทางกฎหมายให้ถูกต้อง
โดยตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไปจะร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง จะเข้าดำเนินการตรวจสอบ หากพบว่ายังมีการเรียนการสอนที่ไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย จะถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ที่รังสิต ปทุมธานีมีตำรวจท้องที่บุกเข้าตรวจสอบศูนย์การเรียนรู้ซึ่งเปิดมากว่าสิบปีแล้ว ขณะที่ยังมีการเรียนการสอน ทำให้เด็กนักเรียนแตกตื่นตกใจ พร้อมขู่ว่าจะเข้ามาตรวจสอบและดำเนินคดีอีกในครั้งหน้า
และที่ภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตได้สั่งให้ศูนย์การเรียนรู้ที่เปิดสอนเด็กข้ามชาติมาเนิ่นนาน หยุดทำการสอน เพื่อตรวจสอบสถานะทางกฎหมายของศูนย์ และสถานะของผู้ปกครองตลอดจนเด็กนักเรียน
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในวันที่ 21 มีนาคม 2568 เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเร่งหาทางออกกรณีการปิดศูนย์การเรียนรู้ของเด็กข้ามชาติ ที่ก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิเด็กและหลักการประโยชน์สูงสุดของเด็ก พร้อมเสนอให้รัฐบาลมีคำสั่งระงับการดำเนินการปิดศูนย์การเรียนรู้ทันที และเร่งดำเนินการสำรวจศูนย์การเรียนรู้ทั่วประเทศ เพื่อให้มีการจดแจ้งกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพัฒนาการศึกษาที่เหมาะสม ควบคู่กับการให้โรงเรียนทุกโรงเรียนเปิดรับเด็กนักเรียนเข้าเรียนตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างโรงเรียนและศูนย์การเรียนรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมของเด็กที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ดี
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ในวันที่ 4 กันยายน 2567 สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีคำสั่งให้ศูนย์การเรียนมิตตาเย๊ะ บางกุ้ง ในอำเภอเมือง สุราษฎร์ธานี ยุติกิจการ ทำให้เด็กนักเรียนกว่า 1,000 คน ต้องหลุดจากระบบการศึกษา
ย้อนไปในปี 2562 จังหวัดระนอง ได้ปิดศูนย์การเรียน 10 ศูนย์การเรียนในจังหวัดระนอง ส่งผลให้เด็กกว่า 3,000 คน ต้องออกจากระบบการศึกษา ส่งผลต่อการพัฒนาและการคุ้มครองเด็ก
นายสุรพงษ์กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการมีหน้าที่จัดการและส่งเสริมการศึกษาให้แก่ทุกคน ไม่ได้มีหน้าที่ทำลาย ปิดกั้นทางการศึกษา ดังที่เด็กนักเรียนและศูนย์การเรียนรู้เผชิญอยู่ในปัจจุบัน และการให้การศึกษาเป็นเรื่องของความมั่นคงของชาติ ในทางตรงกันข้าม การปิดกั้นหรือทำลายการศึกษาต่างหากที่เป็นการทำลายความมั่นคงของชาติ
นอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการต้องกำชับสถานศึกษาทั่วประเทศให้รับเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษาโดยไม่มีการยกเว้น เพราะพบว่ามีสถานศึกษาจำนวนมากไม่ยอมรับเด็กเหล่านี้เข้าเรียน รวมทั้งลงโทษสถานศึกษาที่พบว่าไม่รับเด็กเหล่านี้เข้าเรียน ขณะเดียวกันต้องเข้าส่งเสริมและสนับสนุนศูนย์การเรียนรู้ที่ช่วยจัดการศึกษาให้แก่เด็กข้ามชาติ
นายสุรพงษ์กล่าวว่า การจัดการศึกษาให้แก่เด็กซึ่งจะเป็นอนาคตของสังคม ไม่ว่าจะจัดโดยรูปแบบใด เป็นสิ่งที่มนุษย์ทำกันมาเพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์และเพื่อความเจริญของมนุษยชาติ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตผู้ใดหรือหน่วยงานใด เป็นเสรีภาพในการจัดการศึกษา เสรีภาพทางวิชาการ เสรีภาพทางการแสดงความคิดเห็น
ที่สำคัญคืออำนาจของการจัดการศึกษาเป็นของประชาชน รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการไม่ใช่เจ้าของอำนาจในการจัดการศึกษา จึงมีหน้าที่เข้าไปส่งเสริมสนับสนุนประชาชนในการจัดการศึกษา ไม่ใช่การเข้าไปหยุดยั้งและทำลายการศึกษาของศูนย์การเรียนรู้ดังที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน