วันเสาร์, เมษายน 19, 2025
หน้าแรกต่างประเทศจีน“หาน จื้อเฉียง” มอง “สงครามภาษี” “สหรัฐยกก้อนหินขึ้นมา แต่กลับหล่นทับขาตัวเอง”

Related Posts

“หาน จื้อเฉียง” มอง “สงครามภาษี” “สหรัฐยกก้อนหินขึ้นมา แต่กลับหล่นทับขาตัวเอง”

สหรัฐฯ เป็นผู้เริ่มต้นสงครามการค้า ท้ายที่สุดกลับส่งผลเสียทั้งต่อผู้อื่นและตัวเอง ผู้บริโภคชาวอเมริกัน จะเป็นผู้แบกรับผลกระทบเป็นอันดับแรก เหมือนสำนวนโบราณที่กล่าวไว้ว่า “ยกก้อนหินขึ้นมา แต่กลับหล่นทับขาตัวเอง”

เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยได้เขียนและเผยแพร่บทความ “ทัศนะของข้าพเจ้าต่อสงครามภาษี” สรุปใจความว่า การค้าระหว่างประเทศ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทรัพยากร และข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของแต่ละประเทศ โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การค้าขายที่สมัครใจและเพื่อประโยชน์ร่วมกัน การที่บริษัทอเมริกันเลือกประเทศไทยเป็นฐานผลิตฮาร์ดดิสก์ แล้วนำกลับไปขายในสหรัฐฯ ก็เพราะไทยมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า หากคิดว่าไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐ และตัดสินว่าไทยมีการค้าที่ไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐฯ และสมควรถูกขึ้นภาษี ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว การที่สหรัฐฯ เกินดุลในภาคการค้าบริการกับคู่ค้าทั่วโลก มากถึง 295,200 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 ซึ่งเป็นจำนวนมหาศาล จะถือว่าสหรัฐฯ ไม่เป็นธรรมต่อคู่ค้าทั่วโลกหรือไม่ และคู่ค้าทั่วโลกควรลงโทษสหรัฐฯ หรือไม่ ดังนั้น การขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ จึงไม่สอดคล้องกับหลักการทางเศรษฐศาสตร์โดยทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

การเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ ไม่ใช่ความยุติธรรม แต่คือการใช้อำนาจบีบบังคับ สหรัฐฯ ใช้ภาษีเป็นอาวุธ ในการบีบบังคับคู่ค้าจนถึงขีดสุด และแสวงหาผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว แท้จริงแล้ว นี่คือการใช้อำนาจการเมือง เข้าครอบงำเศรษฐกิจและการค้า อันเป็นการกดดันฝ่ายเดียว ต่อคู่ค้าอย่างไม่เป็นธรรม ทั่วโลกมี 190 กว่าประเทศ ลองจินตนาการดูว่า หากทุกประเทศต่างคิดว่า ประเทศของตนเองต้องมาก่อน และหลงเชื่อในสถานะที่มีอำนาจที่แข็งแกร่ง โลกนี้จะถอยกลับไปสู่ยุคแห่งกฎป่า ประเทศเล็กและประเทศที่อ่อนแอ จะกลายเป็นผู้รับเคราะห์ และระเบียบกติกาสากลจะถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง

จีนไม่ประสงค์จะทำสงครามภาษี แต่หากมีคนบังคับเรียกเก็บภาษี อย่างไม่มีเหตุผลกับจีน จีนก็จำเป็นต้องตอบโต้อย่างเด็ดขาด ที่ผ่านมา จีนได้ดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ อย่างมีพลัง ทั้งนี้เพื่อปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของจีน และเพื่อปกป้องระเบียบการค้าเสรีของโลก รวมถึงความยุติธรรมและความเป็นธรรมของมนุษยชาติ

สหรัฐฯ เป็นผู้เริ่มต้นสงครามการค้า ท้ายที่สุดกลับส่งผลเสียทั้งต่อผู้อื่นและตัวเอง ผู้บริโภคชาวอเมริกัน จะเป็นผู้แบกรับผลกระทบเป็นอันดับแรก ผลการวิจัยของสถาบัน Peterson Institute for International Economics (PIIE) ระบุว่า ท้ายที่สุด ต้นทุนด้านภาษีกว่า 90% จะตกที่ผู้นำเข้า ธุรกิจปลายน้ำ และผู้บริโภคในสหรัฐฯ ความผันผวนของตลาดหุ้น และพันธบัตรสหรัฐฯ ที่เป็นเหมือนรถไฟเหาะในช่วงนี้  ก็ได้สะท้อนถึงความจริงข้อนี้แล้ว ประเทศจีนมีสำนวนโบราณที่กล่าวไว้ว่า “ยกก้อนหินขึ้นมา แต่กลับหล่นทับขาตัวเอง” ข้าพเจ้าเชื่อว่า การที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีในทางที่ไม่เหมาะสม ไม่เพียงแต่จะถูกต่อต้านจากนานาประเทศ ยังจะถูกคัดค้านโดยประชาชนชาวอเมริกันที่ชาญฉลาดอีกด้วย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts