เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 22 เมษายน 2568 ที่ บริเวณด้านหน้าแดนเนรมิตเก่า ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ ได้พา น.ส.พรศิริ (สงวนนามสกุล)อายุ 36 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความต่อ พงส. กก.3 กอง บังคับการปราบปราม เพื่อดำเนินคดีกับญาติ ซึ่งเป็นน้องชายของมารดา ในข้อหาคุกคามข่มขู่ และทำให้เสียทรัพย์
น.ส.พรศิริ เปิดเผยด้วยความเศร้าใจว่า ตนเองเป็นผู้ใจบุญที่ได้ไปไถ่ถอนที่ดินที่บ้านในจังหวัดขอนแก่นให้กับยาย ที่ดินดังกล่าวหลานยายลูกของอาเป็นคนเอาโฉนด เนื้อที่ 60 ตารางวา ไปจำนองไว้กับเพื่อนบ้าน อ.มัญจาคีรี จว.ขอนแก่นในราคา 2 แสนบาท ยายบอกว่าใครเอาเงินไปไถ่ถอนก็จะยกบ้านและที่ดินให้ ตนเองหาเงินรวบรวมมาไถ่ถอนคืนยายกลับคืนได้
เมื่อ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา นายเอ. (สงวนชื่อนามสกุล) ซึ่งเป็นอาแท้ๆ และเป็นน้องชายของแม่ตนเอง ได้ดื่มสุราจนเมามาย และเข้ามาทำร้ายร่างกายแม่ของตนถึงในบ้าน
“เขาเมาแล้วเข้ามาตบหน้าแม่หนูอย่างแรง แถมยังผลักแม่อีก หนูเข้าไปห้ามก็โดนเขาขู่ด้วยค่ะ เขาบอกว่าถ้าหนูมาบ้านหลังนี้อีกจะโดนดี ไม่กลัวใครทั้งนั้น บอกว่าเคยติดคุกมาแล้วด้วย” น.ส.นก กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
สิ่งที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้เสียหายมากยิ่งขึ้นคือ ในวันคล้ายวันเกิดของบิดาผู้ล่วงลับ นายเอ. ได้เข้าไปทำลายรูปภาพหน้างานศพของพ่อเธอ พร้อมทั้งพูดจาท้าทายว่าจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในบ้าน ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวต่อความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอย่างมาก
“พ่อเพิ่งเสียไปไม่นาน รูปหน้าศพพ่อเป็นสิ่งที่มีค่าทางจิตใจกับหนูมาก แต่เขาก็ยังทำลายได้ลงคอ แถมยังขู่จะทำลายทุกอย่างในบ้านอีก หนูทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ค่ะ” ผู้เสียหายกล่าว
ด้วยความหวาดกลัว ผู้เสียหายจึงตัดสินใจพามารดาหลบหนีออกจากบ้านที่ขอนแก่น และเดินทางมาพักอาศัยอยู่ใน กทม. เนื่องจากก่อนหน้านี้ ฝ่ายผู้ก่อเหตุเคยนำตำรวจในพื้นที่มาพูดคุยที่บ้านในลักษณะข่มขู่ ทำให้ทั้งเธอและมารดารู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่กล้าที่จะกลับไปยังบ้านเกิดอีก
ด้วยเหตุนี้ น.ส.นก จึงได้ขอความช่วยเหลือจาก จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ เพื่อพาเข้าแจ้งความต่อกองปราบปราม หวังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับ นายเอ. ตามกฎหมาย เพื่อให้ได้รับความยุติธรรมและสามารถกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบสอบถามทางผู้เสียหายก่อนจะให้ความช่วยเหลือตามกฎหมายต่อไป
