วันเสาร์, เมษายน 26, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมกสม. ชี้กรณีการทารุณกรรมเด็กในสถานสงเคราะห์เก่าแก่ จ.เชียงใหม่ เป็นการละเมิดสิทธิ แนะกรมกิจการเด็กฯ กำกับดูแลสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนให้เป็นไปตามมาตรฐาน

Related Posts

กสม. ชี้กรณีการทารุณกรรมเด็กในสถานสงเคราะห์เก่าแก่ จ.เชียงใหม่ เป็นการละเมิดสิทธิ แนะกรมกิจการเด็กฯ กำกับดูแลสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนให้เป็นไปตามมาตรฐาน

(กสม. แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 15/2568) กสม. ชี้กรณีการทารุณกรรมเด็กในสถานสงเคราะห์ จ.เชียงใหม่ เป็นการละเมิดสิทธิ แนะกรมกิจการเด็กฯ กำกับสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนให้เป็นไปตามมาตรฐาน – ตรวจสอบการขอประทานบัตรเหมืองแร่โดโลไมต์ในพื้นที่รอยต่อผืนป่าแก่งกระจาน ชี้ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน แนะกรมอุตสาหกรรมฯ ทบทวนเขตแหล่งแร่ที่อาจกระทบมรดกโลก

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน 2568 เวลา 14.00 น. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ นายจุมพล ขุนอ่อน ที่ปรึกษาสำนักงาน กสม. รักษาราชการเเทน รองเลขาธิการ กสม. แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 15/2568 โดยมีวาระสำคัญดังนี้

นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีบุคลากรและเจ้าหน้าที่ของสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ลงโทษเด็กด้วยการทารุณกรรม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 จึงมีมติให้หยิบยกกรณีดังกล่าวเพื่อตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน

กสม. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้รัฐให้ความช่วยเหลือเด็ก เยาวชน ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และคุ้มครองมิให้ถูกใช้ความรุนแรงหรือปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 กำหนดให้สถานสงเคราะห์เป็นสถานที่ให้การอุปการะเลี้ยงดูและพัฒนาเด็กที่จำต้องได้รับการสงเคราะห์ และห้ามผู้ใดกระทำทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) ที่กำหนดให้การกระทำทั้งปวงที่เกี่ยวกับเด็กต้องคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นลำดับแรก และแนวปฏิบัติด้านการเลี้ยงดูทดแทนสำหรับเด็กของสหประชาชาติ กำหนดให้รัฐมีบทบาทนำในการสร้างหลักประกันให้ครอบครัว และเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยแก่การเลี้ยงดูเด็ก เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กถูกแยกออกจากครอบครัวโดยไม่จำเป็น

จากการตรวจสอบปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในปี 2566 มีเด็กถูกทารุณกรรมทางร่างกาย 4 คน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ (สำนักงาน พมจ. เชียงใหม่) และบ้านเวียงพิงค์ได้ประสานงานร่วมกันเพื่อให้สถานสงเคราะห์ดังกล่าวตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้เลิกจ้างครูและพี่เลี้ยงเด็กที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทารุณกรรมเด็ก ต่อมาในปี 2567 ได้มีการรับเจ้าหน้าที่ที่เคยก่อเหตุทารุณกรรมเด็กกลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 กฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และแนวปฏิบัติว่าด้วยการเลี้ยงดูทดแทนสำหรับเด็กของสหประชาชาติ ในชั้นนี้จึงรับฟังได้ว่า สถานสงเคราะห์เด็กเอกชนดังกล่าวได้กระทำการอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

จากกรณีข้างต้นคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดเชียงใหม่ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานคุ้มครองเด็กในสถานรองรับเด็กเอกชน และมีมติให้สถานสงเคราะห์ดังกล่าวดำเนินการตามแนวทาง 7 ข้อ ครอบคลุมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทารุณกรรมเด็ก และการพัฒนามาตรฐานการดำเนินกิจการสถานสงเคราะห์ ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขสำหรับการพิจารณาต่อใบอนุญาตให้ดำเนินกิจการสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน โดยเฉพาะประเด็นความพร้อมในการรับเด็กเข้าสู่สถานสงเคราะห์อย่างปลอดภัย แต่ต่อมามูลนิธิซึ่งดำเนินการสถานสงเคราะห์แห่งนี้ แจ้งว่ายังไม่สามารถดำเนินการตามแนวทาง 7 ข้อได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด จึงยังไม่ยื่นคำขออนุญาตในช่วงปี 2568 – 2569 และอยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงาน ขณะนี้สถานสงเคราะห์ดังกล่าวจึงยุติการดำเนินกิจการหรือรับเด็กเข้ามาอยู่ในความดูแล

อย่างไรก็ตาม กสม. มีข้อห่วงกังวลในประเด็นการแต่งตั้งผู้ปกครองสวัสดิภาพที่ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองดูแลเด็กที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ซึ่งต้องมีคุณสมบัติและอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากสถานสงเคราะห์ดังกล่าวจดทะเบียนจัดตั้งเป็นสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนก่อนประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จึงไม่ได้แต่งตั้งผู้ปกครองสวัสดิภาพ แม้จะยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตให้ดำเนินกิจการสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนเรื่อยมา สะท้อนให้เห็นถึงการละเลยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจขาดการกำกับดูแลและตรวจสอบมาตรฐานอย่างจริงจัง

เพื่อให้เด็กทุกคนที่อยู่ภายใต้การเลี้ยงดูทดแทนในรูปแบบสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และในพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ ได้รับการเลี้ยงดูเอาใจใส่ที่เอื้อให้เด็กเติบโตอย่างปลอดภัย มีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ตลอดจนประกันว่าไม่ว่าเด็กจะอยู่ในสถานที่ใดต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองจากความรุนแรง การถูกละเมิดสิทธิ การถูกละเลยทอดทิ้ง และการแสวงประโยชน์ในทุกรูปแบบ กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะไปยังมูลนิธิเด็กซึ่งดำเนินการสถานสงเคราะห์ดังกล่าว ให้ปรับแยกโครงสร้างองค์กรระหว่างมูลนิธิและสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนให้ชัดเจน จัดให้มีนักวิชาชีพ บุคลากร และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในส่วนของสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง และพัฒนาศักยภาพของผู้บริหาร บุคลากร และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้มีความรู้ความเข้าใจด้านสิทธิเด็ก พร้อมทั้งจัดทำนโยบายคุ้มครองเด็กและแนวปฏิบัติในการดูแลเด็กที่ชัดเจนและมีมาตรฐาน ทั้งนี้ ให้กรมกิจการเด็กและเยาวชน คณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงาน พมจ. เชียงใหม่ ติดตามและประเมินผลการดำเนินการ โดยเฉพาะประเด็นการแยกโครงสร้างองค์กรระหว่างมูลนิธิกับสถานสงเคราะห์ให้ชัดเจน การแต่งตั้งผู้ปกครองสวัสดิภาพ การจัดให้มีนโยบายคุ้มครองเด็ก การสรรหาบุคลากร เจ้าหน้าที่ และนักวิชาชีพ ซึ่งจะต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและตรวจประเมินสุขภาพจิตด้วย

นอกจากนี้ ให้กรมกิจการเด็กและเยาวชน คณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงาน พมจ. เชียงใหม่ ร่วมกันดำเนินการอบรมให้ความรู้ความเข้าใจด้านสิทธิเด็กแก่ผู้บริหาร บุคลากร และเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเด็กของสถานสงเคราะห์ดังกล่าว และสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนแห่งอื่น ๆ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และกำกับติดตามการดำเนินกิจการให้สอดคล้องกับกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง และมีแนวทางการพิจารณาต่อใบอนุญาตให้ดำเนินกิจการสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน ที่มีมาตรฐานและเป็นระบบ พร้อมทั้งให้จัดระดับและประเมินมาตรฐานของสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน ด้านศักยภาพการดูแลเด็ก การมีนโยบายคุ้มครองเด็ก มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทารุณกรรมเด็ก และช่องทางการร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลือสำหรับเด็ก บุคลากร เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานในสถานสงเคราะห์ที่ชัดเจน และให้จัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนเด็กและจำนวนสถานสงเคราะห์/สถานรองรับเด็กเอกชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยให้กรมกิจการเด็กและเยาวชนพัฒนากลไกหรือเครื่องมือในการประเมินมาตรฐานและคุณภาพของสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน เพื่อตรวจสอบและกำกับดูแลการดำเนินกิจการและการดูแลเด็กในสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนทั่วประเทศให้มีมาตรฐาน โปร่งใส และตรวจสอบได้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts