“ไอลอว์ iLAW” ฝากทุกฝ่ายจับตา วุฒิสภาเตรียมเคาะ กก.ตรวจสอบการทำงาน กสทช. หลังพบความผิดปกติผู้สมัครเข้ารับสรรหาที่ผ่านตัดเลือกรอบแรกล้วนคน “กากี่นั้ง” ใน กสทช.เอง แทบจะเป็นการส่งผู้ช่วย-เลขาฯ มาเอง แถมบางคนเป็นอดีตผู้สมัคร สว.บ้านเดียวกับประธานจัดทำโผฮั้วเลือกตั้ง สว.ด้วยอีก!
ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังเฝ้าติดตามการตรวจสอบกระบวนการจัดฮั้วเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ผู้คนในสังคมสัพยอกว่าเป็น “ร่างทรง” ของใครบางคนหรือไม่นัั้น
แต่ในส่วน สว.ชุดนี้ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ของตนต่อไป โดยเฉพาะการเดินหน้าแต่งตั้งกรรมการในองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. กกต. หรือหน่วยงานของรัฐที่เป็นอิสระทั้งหลาย โดยไม่ยี่หระต่อกระแสทักท้วงถึงความไม่เหมาะสมใดๆ

ล่าสุด ILaw ชวนทุกฝ่ายให้ร่วมกันจับตากระบวนการคัดเลือก “คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช.(กตป.) “องค์กรเงา” ที่เฝ้าติดตามการทำงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่กฏหมายกำหนดให้วุฒิสภาเป็นผู้ดำเนินการสรรหาและแต่งตั้ง

โดยก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า ที่ประชุมวุฒิสภามีการเคาะรายชื่อผู้สมัคร กตป.ที่ผ่านคุณสมบัติรอบแรกไปแล้วทั้ง 5 ด้านๆ ละ 2 คน และกำหนดจะเสนอรายชื่อให้ที่ประชุม สว.โหวตเคาะรายชื่อผู้สมควรได้รับเสนอชื่อเป็น กตป.ในการประชุมสมัยต่อไปที่จะเริ่มเปิดสมัยประชุมในวันที่ 3 ก.ค.2568 นี้
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า ผู้สมัครที่ผ่านการตัดเลือกรอบแรก 5 คนจาก 10 คนนั้น ล้วนแล้วแต่คน “กากี่นั้ง” กับ กสทช.ชุดปัจจุบัน ทั้งอดีตผู้ช่วย กสทช. คณะทำงานหน้าห้องประธาน กสทช.เอง
และยังพบด้วยว่า 1 ในรายชื่อที่ผ่านการคัดเลือกแรกนั้น ยังเป็นอดีตผู้สมัคร สว.ปี2567 ที่เคยสมัครในอำเภอเดียวกันกับประธานคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร สว.ชุดอื้อฉาวที่กำลังถูก กกต.ไล่เบี้ยอยู่ในขณะนี้ด้วย

# รู้จักองค์กร กตป.-ตรวจสอบ กสทช.
ตาม พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 (พ.ร.บ. กสทช.) นอกจากกำหนดให้มี “กรรมการ กสทช. “จำนวน 7 คน มีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ 6 ปี และเป็นได้แค่คนละสมัย
โดย “กสทช.” ชุดปัจจุบันโดยเฉพาะตัวประธาน กสทช.มีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร ทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่พึ่งให้แวดวงกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมไทยได้แค่ไหนอย่างไรนั้น ทุกฝ่ายรู้แก่ใจกันดีไม่ต้องสาธยายอะไรกันอีก
ใน พรบ.กสทช.ยังกำหนดให้มีอีกองค์กรที่เสมือนเป็น “เงา” เฝ้าติดตามและตรวจสอบการทำงานของ กสทช. นั่นก็คือ “คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. หรือ “กตป.” ที่ตามพ.ร.บ. กสทช.มาตรา 70 กำหนดให้มีกรรมการห้า(5)คนทำหน้าที่ตรวจสอบแต่ละด้าน
แม้ กตป.จะมาจากการแต่งตั้งของ สว.เช่นเดียวกับ กสทช.แต่การสรรหาและแต่งตั้ง กตป. จะแบ่งเป็น 2 รอบ รอบแรกเป็นการคัดกรองเลือกกันเองจากผู้สมัครในแต่ละด้าน ก่อนส่งรายชื่อผู้ได้คะแนนสูงสุดแต่ละด้านให้วุฒิสภาลงมติคัดเลือกในรอบแรกให้เหลือผู้สมัครด้านละ 2 คน (รวมทั้งสิ้น10 คน)
เมื่อเหลือผู้สมัครด้านละ 2 คนแล้ว ให้ทำบัญชีรายชื่อขึ้นมาใหม่ แล้วจัดส่งให้วุฒิสภาลงคะแนนเลือกให้เหลือผู้มีคะแนนสูงสุดเพียงคนเดียวเป็น กตป.ในแต่ละด้าน และให้กรรมการ กตป. ทั้ง 5 คนโหวตเลือกกันเองเพื่อตั้งเป็นประธาน กตป.ต่อไป
#พิรุธ! ล้วนคน “กากี่นั้ง-สัมพันธ์ลึก สว.”
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบกระบวนการสรรหา กตป.ชุดใหม่ แทนชุดเดิมที่กำลังสิ้นสุดวาระนั้น พบว่าสำนักงานเลขาธิการ วุฒิสภาได้ออกประกาศรับสมัครบุคคลเข้ารับสรรหา ตั้งแต่วันที่ 2 – 8 มกราคม 2568 โดยประธานวุฒิสภาได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อและตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร โดยมี นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว.กลุ่ม 11 ท่องเที่ยว อดีตผู้ว่าการถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จากอำเภอนากลาง จังหวัด หนองบัวลำภู เป็นประธาน
ก่อนจะมีการประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติที่ได้รับการคัดเลือกรอบแรกทั้ง 5 ด้านจำนวน 10 คน เมื่อวันที่ 8 เมษายน 68 ดังนี้….(รายละเอียดตามตารางรายชื่อ)
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อมูลของ “ว่าที่ กตป.” ที่ผ่านเข้ารอบทั้ง 10 คนข้างต้น พบความผิดปกติ ดังนี้
1.ผู้สมัคร 5 คนใน 10 คนข้างต้น เคยเป็น “ผู้ใต้บังคับบัญชา” ภายใต้ กสทช.มาก่อน โดย 4 คนเป็นผู้ปฏิบัติงานประจำ กสทช.โดยตรง ส่วนอีกคนคือ “อิสรารัศมิ์ เครือหงส์” นั้นเป็นผู้ช่วยเลขานุการประจำ กสทช.
2.ผลคะแนนคัดเลือกว่าที่ผู้สมัคร กตป.รอบแรกยังพบด้วยว่า ผู้ได้รับเสียงโหวตจาก สว.จำนวน 4 คน มีคะแนนเท่ากันอย่างผิดสังเกต คือได้ 91 คะแนนเท่ากันทั้ง 4 คน และยังพบด้วยว่า คนที่ได้คะแนนเท่ากันนี้ ไม่มีใครมีประวัติหรือมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ กสทช.มาก่อน
3. ผู้สมัครที่ได้รับเสียงโหวตอย่างท่วมท้นในรอบแรก คือนายพันธ์ศักดิ์ จันทรปัญญา เป็นอดีตผู้สมัคร สว.กลุ่ม 13 กลุ่มวิทยาศาตร์ ในเขตอำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกัน นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว.กลุ่ม 11 กลุ่มท่องเที่ยว ที่เป็นประธานคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร กตป. และยังเป็น 1 ใน สว.ที่ถูก กกต.ออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในคดีจัดฮั้วเลือกตั้ง สว. อีกด้วย
4.ใน พรบ. กสทช.ฯ มาตรา 71 วรรคสอง กำหนดลักษณะ “ต้องห้าม” ของ กตป.ไว้ว่าจะต้องไม่เป็น กสทช. อนุกรรมการ เลขาธิการ พนักงาน หรือลูกจ้างของ กสทช.
รวมถึงต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามเช่นเดียวกับ กสทช. เช่น อายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี แต่ไม่เกิน 70 ปี ไม่เป็นข้าราชการประจำ ไม่เป็นกรรมการองค์กรอิสระ แต่หากเคยดำรงตำแหน่งที่ถูกห้ามไว้แล้วลาออกมาสมัครสามารถทำได้ โดยกฎหมายไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่ต้องเว้นวรรคแต่อย่างใด
ทั้งหมดคือความผิดปกติ ไม่ชอบมาพากลของ 10 ว่าที่ผู้สมัคร กตป. “องค์กรเงา”ที่จะทำหน้าที่ ตรวจสอบ และ ติดตามการดำเนินงานของ กสทช.
ที่เมื่อตรวจสอบว่าที่ผู้สมัครก กตป.แต่ละคนที่ได้รับการโหวตผ่านรอบแรกเข้ามา ดูช่างคล้ายกับกระบวนการโหวตเลือก สว.ภาค 2 ยังไงยังงั้น
เพราะกว่าครึ่งของผู้ได้รับคัดเลือก ล้วนเป็นคน “กากีนั้ง” ที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่น กับ กสทช แทบจะเรียกได้ว่า เป็นการส่งมือขวาหรือเลขาเข้ามาทำหน้าที่โดยแท้
จนหลายฝ่ายอดคิดไม่ได้ว่า กตป. “ร่างทรง” เหล่านี้ จะเข้ามาตรวจสอบและติดตามการทำงาน กสทช.หรือเข้ามาเป็น “ตรายาง-รับเบอรสแตมป์” ให้กับ กสทช.กันแน่!
หรือว่าที่ กตป.เหล่านี้กำลังจะเป็นอีกองค์กรที่กลุ่มทุนการเมืองกำลังรุกคืบจะเข้า “ครอบงำ” ด้วยผลประโยชน์ที่ “คละคลุ้ง” ท่วมองค์กรอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
#สืบจากข่าว รายงาน