สงครามการค้าระหว่างจีนกับอเมริกายังดำเนินไปอย่างเข้มข้น เชือดเฉือน และยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงในเร็ววัน ถ้าเกมนี้ลากยาว ใครได้เปรียบ
รศ.ดร.ชินสัคค สุวรรณอัจฉริย มองเกมสงครามการค้าว่า ถ้าเราสนใจเศรษฐกิจของสหรัฐก็เห็นว่า ตั้งแต่ปี 2008 หลังจากเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ หรือวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ ส่งผลกระทบไปทั่วโลก จีดีพีของอเมริกามีแนวโน้มลดลง ก่อนปี 2008 จีดีพีของอเมริกาคิดเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีโลก แต่หลังจากปี 2008 เป็นต้นมา จีดีพีของสหรัฐเริ่มแผ่วลง และไม่สามารถเติบโตได้ด้วยตนเอง ต้องอาศัยการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในด้วยการสร้างภาระหนี้ ให้ประเทศที่สำรองดอลลาร์ เป็นตัวแก้ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อของอเมริกา พูดง่ายๆว่า ถ้าประเทศใดสำรองเงินดอลลาร์ด้วยการซื้อพันธบัตรเงินดอลลาร์ จึงจะส่งสินค้าไปสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันถ้าเราดูจีดีพีของสหรัฐอยู่ที่ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีโลก เมื่อจีดีพีลดลง อำนาจการต่อรองเศรษฐกิจการเมืองก็ลดลง
อย่างไรก็ตาม จีดีพีของสหรัฐ เกิดจากสัดส่วนภาคบริการประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ อาทิ บริษัทให้คำปรึกษาด้านต่างๆ ซึ่งในหลักเศรษฐศาสตร์จะไม่ใช้รายได้จากภาคบริการมาวัดจีดีพี เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ ผิดกับสินค้าอย่างน้ำมัน แก๊ส หรือ ข้าวสาร เป็นสินค้าที่จับต้องได้ เวลาเคลื่อนย้ายระหว่างชายแดน สามารถวัดออกมาเป็นหน่วย ซึ่งอเมริกาไม่มีผลิตภัณฑ์ต้นน้ำ กลางน้ำ เขาเน้นภาคบริการเป็นหลัก หากมองในมุมเรียลเซ็กเตอร์ จีดีพีของสหรัฐอาจอยู่แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีโลก
ดังนั้นถ้าสหรัฐจะฟื้นฟูเศรษฐกิจ ต้องเข้าไปสู่ภาคอุตสาหกรรม สร้างโรงงานในประเทศ อย่างที่โดนัลด์ ทรัมป์ พยายามทำ คือการดึงทุนต่างๆให้ไปลงทุนในสหรัฐ เพื่อที่จะโต้ตอบภาษีกับประเทศต่างๆ ที่เขาขาดดุลการค้า แต่ปัญหาคือการดึงคนไป ต้องมีทรัพยากรราคาถูกด้วย ซึ่งทรัพยากรต้นน้ำของโลก 30 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในรัสเซีย เพราะฉะนั้นเทคโนโลยีจะไม่มีความหมายเลย ถ้าไม่มีทรัพยากรธรรมชาติดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐอเมริกา จะเข้าไปสู่ระบบการผลิต สร้างอุตสาหกรรมใหม่ นอกจากต้นทุนจะสูงแล้ว สหรัฐยังต้องแสวงหาความร่วมมือในการค้นหาแร่หายาก เพื่อทำอุตสาหกรรมยุคใหม่อย่างเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่ง ณ วันนี้จีนควบคุมอยู่ 60 เปอร์เซ็นต์ รัสเซียควบคุม 30 เปอร์เซ็นต์ ในระยะยาวถ้าสหรัฐไม่ร่วมมือกับรัสเซีย ก็ไม่สามารถแข่งขันได้กับจีน เพราะต้องใช้ต้นทุนสูงในการสกัดแร่หายาก ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ คนไหนครอบครองเหมืองแร่ที่มีต้นทุนแข่งขันได้ ก็จะสามารถควบคุมอุตสาหกรรมในโลกอนาคต
เมื่อสินทรัพย์ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในอเมริกา แต่อยู่ในยูเครน รัสเซีย ซึ่งมีต้นทุนที่แข่งขันกับจีนได้ สหรัฐจึงต้องวางแผน “เกมนนี้” อย่างมีกลยุทธ์