ในช่วงต้นปี 1992 “เติ้ง เสี่ยวผิง” ผู้นำจีนในขณะนั้น วางนโยบายเป็นผู้ควบคุมตลาด “แร่หายาก” ตามแนวความคิด “ประเทศในตะวันออกกลางมีน้ำมัน แร่โลหะหายากมีในจีน” ไม่มีใครคาดคิดว่า ผ่านมา 30 ปี จีนกลายเป็นประเทศมหาอำนาจ ครอบครองแร่หายากมากที่สุดในโลก เคยครองสัดส่วนการตลาดทั่วโลกสูงถึงกว่า 90%
ในปี 2021 ได้มีการรวบรวมแหล่งแร่หายากในประเทศต่างๆ พบว่าจีนมีแร่หายากมากเป็นอันดับ 1 คือ 44 ล้านตัน แร่หายากเหล่านี้ คือวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสินค้าแห่งอนาคต ตั้งแต่สมาร์ตโฟน แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ ไปจนถึงขีปนาวุธและอาวุธยุทธภัณฑ์ต่าง ๆ
98% ของแร่หายากที่ใช้ในยุโรป ล้วนนำเข้ามาจากจีน ไม่ว่าจะเป็นซาแมเรียม, แกโดลิเนียม, เทอร์เบียม หรือ ดิสโพรเซียม ปัจจุบันจีนกลายเป็นผู้ผลิตชั้นนำของแร่สำคัญ 20 ชนิด เมื่อวัดจากส่วนแบ่งการผลิตที่ขุดหรือแปรรูปทั่วโลก
จีน ครองสัดส่วนผลิตแร่หายากมากที่สุดของโลก คิดเป็น 70-80% และ 80% ของแร่หายากที่สหรัฐนำเข้ามาจากจีน เป็นสินค้าพิเศษที่ไม่ถูกขึ้นกำแพงภาษี และนี่คืออาวุธที่จีนนำมาใช่พลิกเกม “สงครามการค้า” แค่ยกระดับจำกัดการส่งออก สหรัฐฯก็สะดุด เพราะเป็นวัตถุดิบที่ “ขาดไม่ได้”
การที่จีนให้ความสำคัญกับแร่หายากมานานกว่า 30 ปี จึงมีเทคโนโลยีในการสกัดแร่ที่มีต้นทุนถูกกว่าชาติตะวันตกหลายเท่าตัว นั่นทำให้หลายชาติ ยังจำเป็นต้องนำเข้าแร่หายากจากจีน แม้ว่าจะมีวัตถุดิบในประเทศ แต่การสกัดแร่ด้วยต้นทุนสูง ไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับการนำเข้า ทั้งสหรัฐอเมริกาและอีกหลายชาติ จึงแทบไม่มีอำนาจต่อรองในเรื่องนี้
พลังในมือจีนที่เกิดจากผู้นำ “เติ้ง เสี่ยวผิง” ตั้งแต่กว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา