2.กสม. ชื่นชมกรมอุทยานฯ และภาคีเครือข่ายที่ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาพื้นที่เตรียมการขยายเขตอุทยานแห่งชาติแม่เงาและอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไททับที่ทำกินกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโดยเน้นการมีส่วนร่วม ตามข้อเสนอแนะ กสม.
นางปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 และเดือนพฤศจิกายน 2565 ระบุว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมการประกาศอุทยานแห่งชาติแม่เงาทับที่ทำกินของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านแม่หลุย หมู่ที่ 4 ตำบลแม่สวด อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และเตรียมการประกาศอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไททับที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน และป่าชุมชน ของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านกลาง ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง โดยขาดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน นั้น กสม. ได้ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวและมีมติเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 โดยเห็นว่า อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) ได้ตรวจสอบพื้นที่ ที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน และป่าชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และได้จัดทำบันทึกการรับฟังความคิดเห็นและตรวจสอบพื้นที่ร่วมกับผู้นำชุมชน ประชาชน และผู้แทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ P-Move อีกทั้งให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบตรวจสอบ Shape file และปรับปรุงเนื้อที่และรูปแผนที่ตามที่ประชาชนทักท้วงแล้ว รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ร้อง ผู้นำชุมชนและประชาชนที่ได้รับผลกระทบร่วมออกแบบวิธีการรับฟังความเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย และยินยอมที่จะดำเนินการรับฟังความเห็นตามวิธีการดังกล่าว
ส่วนกรณีอุทยานแห่งชาติแม่เงา (เตรียมการ) เห็นว่า ในขณะที่ กสม. ตรวจสอบ อุทยานฯ ยังไม่ได้จัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย เนื่องจากอยู่ระหว่างรอแนวปฏิบัติและการออกแบบวิธีการรับฟังความเห็น จึงรับฟังได้ว่า การกำหนดพื้นที่เตรียมการประกาศอุทยานแห่งชาติทั้ง 2 แห่งไม่มีการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตาม ประชาชนในพื้นที่ยังคงห่วงกังวลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทางจิตวิญญาณและป่าใช้สอย รวมถึงการทับซ้อนของพื้นที่ดังกล่าวกับแนวเขตอุทยานแห่งชาติทั้ง 2 แห่ง กสม. จึงมีข้อเสนอแนะโดยสรุปให้อุทยานแห่งชาติแม่เงา (เตรียมการ) นำแผนที่พื้นที่เตรียมการประกาศอุทยานฯ ซึ่งกันพื้นที่อยู่อาศัย ที่ทำกินของประชาชน ไร่หมุนเวียน พื้นที่ทางจิตวิญญาณ ป่าใช้สอย รวมถึงสถานที่ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ให้ผู้นำชุมชนนำไปตรวจสอบการทับซ้อนร่วมกับประชาชนในพื้นที่ก่อนการรับฟังความคิดเห็น และจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในรูปแบบเดียวกันกับอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) ในทุกหมู่บ้าน โดยให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ไม่ตั้งคำถามชี้นำ และให้ประชาชนได้เสนอความเห็น ข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่และข้อมูลการดูแลรักษาป่าได้อย่างอิสระ ทั้งนี้ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำวิธีการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในระดับหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ ในลักษณะนี้ ไปใช้ในการจัดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการกำหนดพื้นที่ การขยาย และการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุกแห่ง
นอกจากนี้ กสม. ยังมีข้อเสนอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) หารือร่วมกับชุมชนกะเหรี่ยงบ้านแม่หลุย ตำบลแม่สวด อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และชุมชนบ้านกลาง ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง เกี่ยวกับการประกาศเขตวัฒนธรรมพิเศษหรือเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรมในพื้นที่ไร่หมุนเวียน พื้นที่ทางจิตวิญญาณ รวมถึงสถานที่ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เรื่อง แนวนโยบายและหลักปฏิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง ด้วย
ล่าสุด กสม. ได้ติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะกรณีการเตรียมการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติดังกล่าว และเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะที่เป็นสาระสำคัญแล้ว กล่าวคือ ในส่วนของอุทยานแห่งชาติแม่เงา (เตรียมการ) ได้มีการตรวจสอบแนวเขตพื้นที่อุทยานร่วมกับประชาชนและ ขปส. แล้ว โดยมีการปรับลดเส้นแนวเขตและเนื้อที่ของพื้นที่เตรียมการประกาศอุทยานแห่งชาติแม่เงาลง และได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน 4 ครั้ง ในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน 2566 ซึ่งประชาชนในพื้นที่เห็นด้วยหากพื้นที่ที่จะกำหนดเป็นอุทยานแห่งชาติแม่เงาไม่ทับซ้อนกับที่ทำกินของชาวบ้านหรือพื้นที่ของป่าชุมชน
ส่วนกรณีอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) ทราบว่า อุทยานฯ ได้จัดประชุมชี้แจงและทำความเข้าใจการกำหนดพื้นที่เป็นอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทร่วมกับประชาชนในพื้นที่แล้ว โดยมีการปรับลดเนื้อที่ลงจากเดิม ลงพื้นที่ปักหมุดแนวเขตอุทยานฯ ร่วมกับชาวบ้าน และจะมีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและชุมชนผู้มีส่วนได้เสียระดับอำเภอในพื้นที่จังหวัดลำปางต่อไปในเดือนมิถุนายน 2568 นี้
สำหรับการแก้ไขปัญหาในภาพรวม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีหนังสือเมื่อเดือนธันวาคม 2566 แจ้งให้หน่วยงานในสังกัดนำวิธีการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในระดับหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ โดยทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการกำหนดพื้นที่ การขยาย หรือการเพิกถอนพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทุกแห่งแล้ว ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้สั่งการและหารือถึงแนวทางในการกำหนดเขตพื้นที่วัฒนธรรมพิเศษหรือเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรมร่วมกับชุมชนในเขตพื้นที่เตรียมการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติแม่เงาและอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 แล้ว
กรณีดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะทั้งหมดหรือบางส่วนที่เป็นสาระสำคัญแล้ว กสม. จึงเห็นควรยุติการติดตามผลการดำเนินการ ตามระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยการติดตามผลการดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 22 วรรคสอง (1)
“กสม. ขอชื่นชมกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมทั้งหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่าย อาทิเช่น เครือข่ายองค์กรชุมชน องค์กรภาคประชาสังคม นักวิชาการ ฯลฯ ที่ได้ร่วมกันดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ กสม. ในการแก้ไขปัญหาการทับซ้อนของพื้นที่ป่าใช้สอยและพื้นที่ทางจิตวิญญาณของกลุ่มชาติพันธุ์กับพื้นที่เตรียมการประกาศอุทยานแห่งชาติทั้งสองแห่ง ซึ่งเป็นปัญหาข้อห่วงกังวลของประชาชนในพื้นที่มากว่า 30 ปี และขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ นำแนวทางและกระบวนการดังกล่าวไปใช้กับพื้นที่ทับซ้อนอื่น ๆ เพราะเห็นว่าแนวทางดังกล่าวซึ่งมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ชุมชน และผู้มีส่วนได้เสียต่อการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ สอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นการคุ้มครองสิทธิเชิงวัฒนธรรม ตลอดจนสิทธิจัดการ บำรุงรักษาและอนุรักษ์ฟื้นฟู วิถีชีวิต ตามวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และจารีตประเพณีอันดีงามของกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวิถีชีวิตอยู่กับป่ามาช้านาน” นางปรีดากล่าว



