วันที่ 23 มิ.ย.68 (วานนี้ 22 มิ.ย.) ที่ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) หอประชุมสงฆ์ น.16 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร นายจตุรงค์ จงอาษา อาจารย์นักวิชาการทางศาสนา พร้อมด้วย นายสุชาติ กนกรัตน์มณี ประธานชมรมตามรอยเจ้าตาก, นายปเรตร์ อรรถวิภัชน์ ที่ปรึกษาชมรมฯ และนายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความ ได้เดินทางเข้ากราบนมัสการ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ, กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เพื่อร้องเรียนและขอคำแนะนำในการดำเนินการกับ พระสมบูรณ์ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าบุกรุกและครอบครอง “ดอยข่อยเขาแก้ว” จังหวัดตาก อันเป็นโบราณสถานประวัติศาสตร์สำคัญของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
นายจตุรงค์ เปิดเผยว่า ทางชมรมฯ เคยยื่นเรื่องต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พ.ศ.) มาแล้ว โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ประการต่อพระสมบูรณ์ ได้แก่ 1) ขอให้พระสมบูรณ์ย้ายออกจากพื้นที่โบราณสถาน 2) ให้ปรับปรุงโบราณสถานให้คืนสภาพดังเดิม และ 3) ให้คืนโบราณสถานกลับสู่กรมศิลปากรและชาวบ้านในท้องที่
ด้านนายอรรณพ ทนายความ กล่าวว่า ตั้งแต่ตนยื่นหนังสือร้องเรียนให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติตรวจสอบเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ได้รับทราบว่าเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดตากได้จัดการประชุมกรณีวัดดอยข่อยเขาแก้ว โดยมีพระประสิทธศีลคุณ เจ้าคณะจังหวัดตากเป็นประธาน อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ผ่านมาสามเดือนเศษแล้ว กลับไม่มีการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน แต่กลับมีการกล่าวอ้างว่าพระสมบูรณ์มีสิทธิพำนักในวัดดอยข่อยเขาแก้วได้ เนื่องจากได้รับการอนุญาตจากพระเถระชั้นผู้ใหญ่ให้ดูแลวัดร้างแห่งนี้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องเข้ากราบนมัสการเจ้าประคุณสมเด็จฯ เพื่อขอทราบแนวทางและนโยบายในการแก้ปัญหา
เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ได้ให้โอวาทและนโยบายเกี่ยวกับวัดดอยข่อยเขาแก้ว (วัดร้าง) โดยย้ำว่าให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากพระสมบูรณ์ยังคงไม่ยอมกลับไปสังกัดวัดเดิม ให้แจ้งเจ้าคณะตำบลและเจ้าคณะอำเภอจัดการให้ลาสิกขา พร้อมทั้งกำชับให้คณะทำงานดำเนินการอย่างเป็นกลาง ระมัดระวังมิให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และให้กำลังใจคณะทำงานเร่งดำเนินการโดยเร็ว เพราะหากปล่อยปัญหานี้ไว้นาน เกรงว่าจะซ้ำรอยกรณีวัดบางคลาน
