ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปอศ. ร่วม กรมสรรพากร เปิด “ปฏิบัติการปิดเกมส์กลโกงภาษี – Anti Tax Fraud Operation” ทลายกลุ่มเครือข่ายฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม รัฐเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชวนาศัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ.,
พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2 บก.ปอศ. และ พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ.
กรมสรรพากร โดย นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร, น.ส.สลักจิต พงษ์ศิริจันทร์ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร, นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) และ นางสาวเอื้อมเดือน สุขะวัลลิ ผู้อำนวยการกองตรวจสอบภาษีกลาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น/จับกุม นำโดย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. จำนวน 72 นาย และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร จำนวน 55 นาย รวมกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งสิ้น 127 นาย
ร่วมกันตรวจค้น ทั้งสิ้น 14 จุด แบ่งเป็น จ.ตาก 11 จุด, จ.เชียงใหม่ 2 จุด และ กทม. 1 จุด ดังนี้
1.อาคารพาณิชย์ ถ.อินทรคีรี ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
2.บ้านพัก ม.6 ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก
3.อาคารพาณิชย์ ถ.ประสาทวิถี ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
4.บ้านพัก ม.6 ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก
5.อาคารพาณิชย์ ถ.สายเอเซีย ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
6.อาคารพาณิชย์ ถ.สวรรค์วิถี ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
7.อาคารพาณิชย์ ถ.ประสาทวิถี ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
8.บ้านพัก ถ.ราษฎร์อุทิศ ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
9.อาคารพาณิชย์ หมู่ 2 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
10.บ้านพัก ม.3 ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
11.โกดังไม่ระบุเลขที่ ถ.ราษฎร์อุทิศ ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
12.อาคารพาณิชย์ ม.1 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก
13.อาคารพาณิชย์ ซ.ประชาอุทิศ 72 ถ.ประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร
14.อาคารพาณิชย์ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 10 ราย ดังนี้
1.นายสำราญฯ อายุ 63 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3674/2568 ลงวันที่ 19 มิ.ย.68 จับกุมได้ที่ บ้านพัก หมู่ 6 ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก
2.น.ส.พิมพ์พิสุทธิ์ฯ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3671/2568 ลงวันที่ 19 มิ.ย.68 จับกุมได้ที่ บ้านพัก หมู่ 6 ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก
3.น.ส.ณาตยาฯ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3666/2568 ลงวันที่ 19 มิ.ย.68 จับกุมได้ที่ อาคารพาณิชย์ ถ.ประสาทวิถี ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
4.น.ส.แสงเทียนฯ อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3670/2568 ลงวันที่ 19 มิ.ย.68 จับกุมได้ที่ บ้านพัก หมู่ 6 ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก
5.นายสุธาราฯ อายุ 66 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3672/2568 ลงวันที่ 19 มิ.ย.68 จับกุมได้ที่ บ้านพัก ถ.ประสาทวิถี ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
6.นางนิตรฯ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3669/2568 ลงวันที่ 19 มิ.ย.68 จับกุมได้ที่ อาคารพาณิชย์ ถ.สวรรค์วิถี ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
7.นางจารุปรานต์ฯ อายุ 65 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3673/2568 ลงวันที่ 19 มิ.ย.68 จับกุมได้ที่ อาคารพาณิชย์ หมู่ 2 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
8.นายศุภกิตติ์ฯ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3668/2568 ลงวันที่ 19 มิ.ย.68 จับกุมได้ที่ อาคารพาณิชย์ ถ.เชียงใหม่สมโภช 700 ปี ต.ท่าศาลา อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
9.นายมงคลฯ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3667/2568 ลงวันที่ 19 มิ.ย.68 แจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำแม่สอด จ.ตาก
10.นายมิน อ่อง มู (MIN AUNG MOE) สัญชาติเมียนมา อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3675/2568 ลงวันที่ 19 มิ.ย.68 จับกุมได้ที่ บ้านพัก ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก
โดยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิจะออกเอกสารดังกล่าวตาม มาตรา 86/13”, “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มหรือขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม กระทำการใด ๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน” และ “เจตนานำใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วย กฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษี” อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) (6) (7) แห่งประมวลรัษฎากร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี ต่อ 1 กรรมการกระทำความผิด ต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งพบว่าการกระทำความผิดของผู้ต้องหาแต่ละรายมีจำนวนหลายกรรม
วันเวลาที่ตรวจค้น/จับกุม วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. – 16.00 น.
พร้อมตรวจยึดของกลาง ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของกลุ่มเครือข่ายดังกล่าว ดังนี้ เอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวน 100,000 ฉบับ, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 20 เครื่อง, คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 30 เครื่อง
พฤติการณ์ ด้วยกรมสรรพากรได้ตรวจสอบพบการกระทำความผิดของผู้ประกอบการซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเครือข่ายฉ้อโกงภาษีรัฐ จึงประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. ให้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผล จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มของผู้ต้องหา โดย นายสำราญฯ ได้จัดตั้ง บริษัทเอส แอนด์ เอ็ม บราเธอร์ฮู้ดฯ ซึ่งประกอบกิจการนำเข้าส่งออกสินค้า และได้นำบุคคลในครอบครัว ญาติพี่น้อง พนักงานลูกจ้าง รวมถึงเพื่อนและคนรู้จัก จัดตั้งร้านค้าและบริษัท ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) จำนวนกว่า 20 แห่ง แล้วแสร้งทำทีว่ามีการซื้อขายสินค้าระหว่างกันเป็นทอดๆ โดยไม่มีการซื้อขายสินค้ากันจริงๆ โดยมีเจตนาหลักฐานการซื้อขายเท็จเพื่อทำให้ราคาของสินค้าสูงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจะมีการออกใบกำกับภาษีระหว่างร้านค้าและบริษัทในเครือข่ายของตนในลักษณะหมุ่นวนกันไปมาเป็นทอดๆ (การซื้อขายเป็นทอดๆ วนกันไปมาเช่นนี้ จะทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้น รวมทั้งทำให้ “ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7%” เพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าด้วย) จนท้ายที่สุดจะใช้บริษัทเอส แอนด์ เอ็ม บราเธอร์ฮู้ดฯ ซึ่งจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการส่งออก ทำการซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการในกลุ่มเครือข่ายทอดสุดท้าย ซึ่งสินค้าจะมีราคาที่สูงเกินจริง และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7% ก็จะสูงมากขึ้นตามไปด้วย แล้วทำการส่งออกสินค้าเดียวกันนี้ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา) โดยลูกค้า (ฝั่งเมียนมา) ที่มาซื้อสินค้าก็เป็นคนของเครือข่ายด้วย เพื่อสร้างภาพและสร้างหลักฐานของการส่งออกสินค้า สำหรับการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) ที่มาจากมูลค่าสินค้าอันเป็นเท็จต่อกรมสรรพากร
สินค้าที่กลุ่มของผู้ต้องหาได้ทำการส่งออก เป็นสินค้าประเภทกลุ่มเครื่องอุปโภคบริโภค จะไม่มีการคิดอัตราอากรขาออก ซึ่งจะเท่ากับว่า ผู้ประกอบการส่งออกจะไม่มีการเสียภาษีศุลกากรขาออก และจะไม่ถูกจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยทางกรมสรรพากรจะให้สิทธิกลุ่มผู้ประการส่งออกเหล่านี้ สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7% (ตามยอดภาษีซื้อ) ในแต่ละเดือนได้ จึงเป็นช่องทางที่กลุ่มเครือข่ายของผู้ต้องหา สร้างการซื้อขายปลอมเพื่อทำให้ราคาสินค้าสูงเกินจริง เพื่อมาใช้ในการขอคืนภาษีหลังจากสร้างภาพการส่งออก เพื่อให้ได้เงินภาษีที่ขอคืนจากกรมสรรพากรในจำนวนที่สูง
จากห้วงระยะเวลาปี พ.ศ.2564 – 2565 พบว่า กลุ่มเครือข่ายของผู้ต้องหา ได้ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากร เป็นจำนวนเงินกว่า 150 ล้านบาท และจากการประเมินภาษีพบว่ามีมูลค่าความเสียหายจากการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งเครือข่ายเป็นจำนวนเงินกว่า 1,000 ล้านบาท เจ้าพนักงานตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. จึงได้ดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจำนวน 10 ราย และได้ยื่นคำร้องขอหมายค้นเพื่อเข้าทำการตรวจค้นสถานประกอบกิจการของกลุ่มเครือข่ายที่เกี่ยวข้องอีกจำนวน 14 จุด
ต่อมาในวันที่ 24 มิ.ย.68 จึงได้มีการบูรณาการกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร จำนวนรวมกว่า 127 นาย เปิดปฏิบัติการ “ปิดเกมส์กลโกงภาษี” หรือ “Anti Tax Fraud Operation” เข้าจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่ได้ร่วมกระทำความผิดดังกล่าว โดยได้เข้าดำเนินการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา จำนวน 10 หมาย (พื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก 8 หมาย/พื้นที่ จ.เชียงใหม่ 2 หมาย) และตรวจค้นเพื่อหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามหมายค้นอีกจำนวน 14 หมาย (พื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก 11 จุด/พื้นที่ จ.เชียงใหม่ 2 จุด/พื้นที่ กทม. 1 จุด) โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นทั้ง 14 จุด ในเวลาพร้อมเพรียงกันทุกจุด โดยมี นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร, พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชวนาศัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. ควบคุมการปฏิบัติการ ณ ห้องควบคุมสั่งการ RTCC (Real Time Crime Center) ชั้น 8 อาคารประชาอารักษ์ บก.ป. ตลอดระยะเวลาการเข้าตรวจค้นจับกุม
ผลการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ครบถ้วนทั้ง 10 ราย และตรวจยึดของกลางเพื่อเป็นพยานหลักฐาน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ จำนวน 30 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 20 เครื่อง และเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน 100,000 ฉบับ จากนั้นได้นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น มีผู้ต้องหาบางรายให้การรับสารภาพ และบางรายให้การปฏิเสธ
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ดำเนินการตามมาตรการเชิงรุก โดยประสานความร่วมมือกับกรมสรรพากรอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิดฐานฉ้อโกงภาษี อันเป็นการทำลายระบบการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศชาติโดยรวม
ทั้งนี้ การฉ้อโกงภาษีในลักษณะนี้ เป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 90/4(3) (6) (7) มีโทษจำคุก ตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี , ปรับตั้งแต่ 2,000 – 200,000 บาท มาตรา 90/4 บุคคลดังต่อไปนี้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ระบุไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาท (3) ผู้ออกใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้โดยไม่มีสิทธิจะออกเอกสารดังกล่าวตาม มาตรา 86/13 (6) ผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม กระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนอง เดียวกัน (7) ผู้ประกอบการโดยเจตนานำใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วย กฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษี
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กก.2 บก.ปอศ. หมายเลขโทรศัพท์ 02 191 9191 ต่อ 2701 ผู้ประสานงานเพิ่มเติม พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยรมณ์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ. หมายเลขโทรศัพท์ 0894115636, ร.ต.ท.กฤษณะ มะกรูดอินทร์ รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอศ. หมายเลขโทรศัพท์ 0929244245
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้นสำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”

























