ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการ “Bye Bye Dark Wallets” รวบหัวแถว e-Money เถื่อน พบเม็ดเงินหมุนเวียนไหลออกนอกประเทศรวมเกือบ 400 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ., พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ, พ.ต.ท.ภาคิน สุขพรหม และ พ.ต.ท.หญิง สินีนาฏ เชิดชูตระกูลทอง รอง ผกก.5 บก.ปอศ. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ มอญรัตน์, ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์, ว่าที่ พ.ต.ต.พิชญากร แตงรอด และ ว่าที่ พ.ต.ต.บัญชา ช่วยรอดหมด สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ.
ตรวจค้นจำนวนสถานที่ 10 จุด ได้แก่
จุดที่ 1 : อาคารสำนักงาน หมู่ที่ 1 ซอยเลี่ยงเมืองนนท์ 15 แยก 10 ถนนเลี่ยงเมืองนนท์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จว.นนทบุรี ตามหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ ค.535/2568 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2568
จุดที่ 2 : อาคารแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 1 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี ตามหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ ค.534/2568 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2568
จุดที่ 3 : โกดังสินค้า ซอยพระยาสุเรนทร์ 30 แยก 9 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญามีนบุรี ที่ ค.330/2568 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2568
จุดที่ 4 : อาคารสำนักงาน หมู่ที่ 5 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี ตามหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ ค.536/2568 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2568
จุดที่ 5 : โกดังสินค้า ซอยโรงสวด ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี ตามหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ ค.537/2568 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2568
จุดที่ 6 : อาคารสำนักงาน หมู่ที่ 8 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 372/2568 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2568
จุดที่ 7 : อาคารสำนักงาน ซอยเพชรเกษม 53 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ ค 366/2568 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2568
จุดที่ 8 : โกดังสินค้า ซอยนครลุง 8 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ ค 365/2568 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2568
จุดที่ 9 : อาคารสำนักงาน หมู่ที่ 3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 363/2568 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2568
จุดที่ 10 : คลังสินค้าและจุดรับสินค้า ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญา ที่ 520/2568 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2568
ร่วมกันดำเนินคดีและกล่าวโทษกับกลุ่มผู้ต้องหา จำนวน 12 ราย ดังนี้
1. บริษัท ทีดีเออาร์ จำกัด ในฐานะนิติบุคคล
2. นายธีราฯ อายุ 45 ปี ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัท ทีดีเออาร์ จำกัด
3. บริษัท บีทีอาร์ อิมพอร์ต แอนด์ เอ็กซ์พอร์ต จำกัด ในฐานะนิติบุคคล
4. นายชาตรีฯ อายุ 35 ปี ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัท บีทีอาร์ อิมพอร์ต แอนด์ เอ็กซ์พอร์ต จำกัด
5. บริษัท โอ-ที-อี จำกัด ในฐานะนิติบุคคล
6. นายชนธัญฯ อายุ 48 ปี ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัท โอ-ที-อี จำกัด
7. บริษัท อนันต์ คาร์โก้ เอ็กซ์เพรส จำกัด จำกัด ในฐานะนิติบุคคล
8. น.ส.สุพิชญาฯ อายุ 28 ปี ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัท อนันต์ คาร์โก้ เอ็กซ์เพรส จำกัด
9. น.ส.ปภัชญาฯ อายุ 43 ปี ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัท อนันต์ คาร์โก้ เอ็กซ์เพรส จำกัด
10. น.ส.อังคณาฯ อายุ 36 ปี ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัท อนันต์ คาร์โก้ เอ็กซ์เพรส จำกัด
11. บริษัท ยัวร์เบ่าเบา จำกัด ในฐานะนิติบุคคล
12. นายธนฯ อายุ 51 ปี ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัท ยัวร์เบ่าเบา จำกัด
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง”
พฤติการณ์ ปัจจุบัน มีผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มบนเว็บไซต์ซึ่งมีลักษณะเป็นตัวกลาง ให้ผู้ใช้บริการสั่งซื้อสินค้าจากประเทศจีน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่พบมีกลุ่มมิจฉาชีพฉกฉวยโอกาสจากความต้องการในการสั่งซื้อสินค้า จัดทำระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-money) โดยผูกกับบัญชีธนาคาร หรือ แอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อเป็นช่องทางในการนำเงินจากประเทศไทยออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีมาตรการในการกำกับดูแลผู้ใช้งาน เสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน หลบเลี่ยงภาษี เป็นช่องทางการโอนเงินผิดกฎหมาย หรือเป็นช่องทางการฟอกเงินเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจสีเทาในรูปแบบต่างๆ
ซึ่งรูปแบบของการใช้บริการดังกล่าว ผู้ใช้บริการต้องสมัครสมาชิกและเปิดบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์กับบริษัทฯ บนเว็บไซต์ พร้อมทั้งเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของบริษัทฯ ไว้ล่วงหน้า ทำให้มีเงินจากภาคประชาชนหลั่งไหลเข้าไปในระบบธุรกิจดังกล่าวเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังพบว่าหลายบริษัทมีการใช้บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมาเป็นผู้ถือหุ้นหรือกรรมการบริษัทในการขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งมีชาวจีนเป็นผู้ครอบครองและรับผลประโยชน์ที่แท้จริง ทั้งนี้ หากการประกอบธุรกิจดังกล่าวไม่ได้ผ่านการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือเป็นการประกอบธุรกิจโดยมิจฉาชีพ มีการนำเงินออกนอกประเทศโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างร้ายแรง ส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นในระบบการเงิน เอาเปรียบด้านต้นทุนและภาษีกับผู้ให้บริการอื่นๆที่ขออนุญาตตามกฎหมาย รวมถึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนผู้ใช้งานได้เป็นวงกว้างเช่นกัน
ดังนั้น ในการประกอบธุรกิจดังกล่าว จึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบและอนุญาตให้ดำเนินการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดมาตรการในการตรวจสอบ และควบคุม ภายใต้ พ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 เพื่อป้องกันความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจและประชาชน
กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จึงได้ดำเนินการเชิงรุกในการตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มบนเว็บไซต์ในลักษณะดังกล่าว พบบริษัทที่มีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดอันเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 ในรูปแบบการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 5 บริษัท ได้แก่
1) บริษัท ทีดีเออาร์ จำกัด (https://www.taobaocargo.com)
2) บริษัท บีทีอาร์ อิมพอร์ต แอนด์ เอ็กซ์พอร์ต จำกัด (https://www.ptcargomember.com)
3) บริษัท โอ-ที-อี จำกัด (https://www.ote.co)
4) บริษัท อนันต์ คาร์โก้ เอ็กซ์เพรส จำกัด (https://www.thai-anancargo.com)
5) บริษัท ยัวร์เบ่าเบา จำกัด (https://www.yourbaobao.com)
จากผลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าทั้ง 5 บริษัทดังกล่าวข้างต้น มีการประกอบธุรกิจในลักษณะเป็นการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือค่าอื่นใด แทนการชำระด้วยเงินสดจริง มียอดเงินหมุนเวียนรวมกันเกือบ 400 ล้านบาท ซึ่งมิได้มีการขออนุญาตในการประกอบธุรกิจดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้น กรณีจึงเป็นการประกอบธุรกิจการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นต่อศาลเพื่อเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย จำนวน 10 จุด ผลการตรวจค้น พบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหลายรายการ อาทิเช่น คอมพิวเตอร์ จำนวน 6 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง และพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง อีกหลายรายการ รวมถึงตรวจพบแพลตฟอร์มซึ่งไม่ได้รับอนุญาตตรงตามผลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้กล่าวโทษผู้กระทำความผิดต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน ให้เลือกใช้บริการ e-Money หรือการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์จากผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตโดยถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น รวมทั้งควรศึกษาและตรวจสอบเงื่อนไขของการใช้บริการด้วยความละเอียดรอบคอบก่อนนำเงินของตนไปไว้กับบุคคลอื่นโดยไม่รู้ที่มาที่ไป และไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินให้กับผู้ให้บริการที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันการสูญเสียทรัพย์สินให้กับมิจฉาชีพ ซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นเหยื่อของกระบวนการฉ้อโกงโดยมิจฉาชีพในที่สุด
ในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งต้องการประกอบธุรกิจดังกล่าวหรือธุรกิจอื่นซึ่งมีความคล้ายคลึงกัน นั้น ก่อนการเริ่มทำธุรกิจควรตรวจสอบถึงข้อจำกัดและความถูกต้องของข้อกฎหมาย เพื่อให้การประกอบธุรกิจอยู่บนรากฐานของความถูกต้อง เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม และเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ใช้งานให้เกิดความปลอดภัย
ทั้งนี้ หากท่านมีข้อสงสัยถึงการดำเนินการธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องโดยทันที หากต้องการตรวจสอบข้อมูลผู้ประกอบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบข้อมูลผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เว็บไซต์ https://app.bot.or.th/BotLicenseCheck
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ มอญรัตน์ สว.กก.5 บก.ปอศ. หมายเลขโทรศัพท์ 09 2227 7789
ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ สว.กก.5 บก.ปอศ. หมายเลขโทรศัพท์ 09 2938 8593
ว่าที่ พ.ต.ต.พิชญากร แตงรอด สว.กก.5 บก.ปอศ. หมายเลขโทรศัพท์ 08 6333 1459
ว่าที่ พ.ต.ต.บัญชา ช่วยรอดหมด สว.กก.5 บก.ปอศ. หมายเลขโทรศัพท์ 06 2547 4242
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”












