วันเสาร์, กันยายน 6, 2025

“ระบบบัญชีรถไฟ 300 ล้าน เดินหน้าต่อ บริษัท-รฟท. ร่วมแก้ปัญหา ยืนยันระบบใช้งานได้ พร้อมพัฒนาต่อเนื่อง”

“…การรถไฟฯ เดินหน้าปรับระบบบัญชีการเงินสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ระบบ FMIS ที่พัฒนากว่า 4 ปีเริ่มเปิดใช้งานจริงแล้ว ช่วยยกระดับกระบวนการเบิกจ่าย เปลี่ยนจาก “จ่ายก่อนตรวจ” เป็น “ตรวจก่อนจ่าย” ตามมาตรฐานสากล ด้านบริษัทผู้พัฒนา FICT ย้ำระบบพร้อมใช้ มีประสบการณ์กับหน่วยงานรัฐหลายแห่ง พร้อมหนุนการรถไฟฯ อย่างเต็มที่ ให้เดินหน้าเข้าสู่ยุคใหม่อย่างมั่นคง…”

โครงการพัฒนาระบบ Financial Management Information System (FMIS) ของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มูลค่า 301 ล้านบาท เริ่มเปิดใช้งานจริงแล้วในหลายหน่วยงาน โดยมีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับระบบบัญชีการเงินให้เป็นดิจิทัลและโปร่งใส ตามแนวทางการบริหารแบบสากล

แม้โครงการใช้เวลาดำเนินการกว่า 4 ปี แต่บริษัท FICT ผู้พัฒนาระบบ ชี้แจงว่า เป็นเพราะต้องปรับจากระบบเอกสาร Manual ที่การรถไฟฯ ใช้มาอย่างยาวนาน ไปสู่ระบบดิจิทัลที่ต้องเชื่อมโยงข้อมูลทุกขั้นตอนอย่างเป็นระบบ ซึ่งต้องใช้เวลาออกแบบและทดสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ผลลัพธ์ในวันนี้ คือระบบ FMIS ได้พลิกโฉมการทำบัญชีของการรถไฟฯ หลายด้านอย่างเป็นรูปธรรม เช่น:

  • เปลี่ยนกระบวนการ “จ่ายก่อนตรวจ” มาเป็น “ตรวจก่อนจ่าย” ตามแนวปฏิบัติสากล
  • สามารถปิดบัญชีได้ผ่านระบบคอมพิวเตอร์
  • ระบบตรวจสอบการเบิกจ่ายตั้งแต่ต้นทางของการจัดซื้อ วงเงิน ความถูกต้องของสัญญา และขั้นตอนอนุมัติ
  • เพิ่มความรวดเร็วในการติดตามสถานะการเงิน
  • ช่วยยกระดับมาตรฐานการบัญชี และลดความผิดพลาดจากมนุษย์

ทางบริษัทระบุว่า ระบบ FMIS นี้ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับ มาตรฐานบัญชีภาครัฐ และบริษัทได้เคยดำเนินงานระบบลักษณะเดียวกันกับหน่วยงานรัฐขนาดใหญ่หลายแห่งมาแล้ว เช่น

  • การประปาส่วนภูมิภาค
  • รถไฟฟ้ามหานคร (MRTA)
  • การท่าเรือแห่งประเทศไทย
  • กสทช.
  • สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
  • และล่าสุดคือ การรถไฟแห่งประเทศไทย

ด้วยประสบการณ์ในระดับประเทศ บริษัท FICT เชื่อมั่นว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ของการรถไฟฯ มีความคุ้นเคยกับระบบมากขึ้น ประสิทธิภาพของระบบจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ และจะส่งผลให้ทั้งกระบวนการบัญชี การเบิกจ่าย และการบริหารงบประมาณ มีความแม่นยำ โปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน

บริษัทได้ยื่นหนังสือเสนอสนับสนุนต่อเนื่องจนถึง สิ้นปี 2567 และยืนยันว่าไม่มีเจตนาตอบโต้ฝ่ายใด แต่ขอชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน พร้อมยืนยันความพร้อมร่วมมือกับการรถไฟฯ อย่างใกล้ชิดต่อไป

ขณะเดียวกัน การรถไฟฯ เองก็มีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับการบริหารงานสู่มาตรฐานสากล และเชื่อมั่นว่าระบบ FMIS จะเป็นรากฐานสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรสมัยใหม่ ที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ประชาชนในระยะยาว

#สืบจากข่าว รายงาน

Get notified whenever we post something new!

spot_img

Create a website from scratch

Just drag and drop elements in a page to get started with Newspaper Theme.

Continue reading

ปตท. และ วว. ร่วมพัฒนาศักยภาพการบริหารองค์กร ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ - บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพการบริหารองค์กร เพื่อส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยมีนายวุฒิกร สติฐิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ผศ.ดร. วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ร่วมลงนาม พร้อมด้วย นายรัตติกูล ปิยะวงค์วาณิชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ รักษาการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่วิศวกรรมโครงการและการปฏิบัติการสู่ความเป็นเลิศ ปตท. และ ดร. จิตรา ชัยวิมล รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และจัดการนวัตกรรม วว....

PTT Group CG Day 2025

https://youtube.com/shorts/rzAB5iK4px4 “...เมื่อผู้นำด้านธุรกิจพลังงานประกาศรวมพลังต้านคอร์รัปชัน ขับเคลื่อนธรรมาภิบาล และเดินหน้าสู่อนาคตที่มั่นคง–ยั่งยืน ความเปลี่ยนแปลงจึงไม่ใช่เพียงแนวคิด แต่คือพลังจริงที่เกิดขึ้นแล้ว...” เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 กลุ่ม ปตท. นำโดย ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทในเครือ ได้แก่ PTTEP, TOP, IRPC, GC, GPSC และ OR รวมพลังจัดงาน PTT Group CG Day 2025 ครั้งที่ 17 ภายใต้แนวคิด “ONE CG DRIVING...

มองจีน “แล้วเรียนรู้”พัฒนาชาติไทย “สู่เวทีโลก”คณะรวมพลังแผ่นดินรวมศูนย์ “ทำเรื่องใหญ่อีกแล้ว”

“….การเมืองการปกครองของประเทศไทยนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะต้องดำเนินไปตามเจตนารมณ์ของขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่ถือเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง โดยรัฐบาลทุกชุดจะต้องดำเนินนโยบายระดมสรรพกำลังของคนไทยทั้งประเทศมาร่วมกันสร้างการเปลี่ยน พลิกโฉมหน้าสังคมไทยให้ชาวโลกเห็นกันทั่วไป ถึงความเจริญก้าวหน้าในทุกๆด้าน กระทั่งสามารถนำพาประเทศไทยเข้าไปอยู่ในขบวนแถวของประเทศนวัตกรรมใหม่ได้ในที่สุุด มองกลับไปที่จีน ล่าสุดรัฐบาลจีนได้ออกหนังสือแจ้งให้ทุกฝ่ายดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ"AI+" อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อบรรลุเป้าหมายสร้างสังคมจีนให้เป็นสังคมปัญญาประดิษฐ์เต็มรูปแบบภายในปีคศ.2035 หรือในอีก 2 ปีข้างหน้าคนจีนจะมีชีวิตอยู่กับอุปกรณ์เครื่องใช้และระบบการดำเนินชีวิตทั้งในบ้านและนอกบ้าน ทั้งกลางวันกลางคืนกับอุปกรณ์เตรื่องใช้และระบบบริการที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ไม่น้อยกว่า70% ถัดจากนั้นอีก3ปีคือปีคศ.2030 จะเพิ่มเป็น90% และเมื่อถึงปีคศ.2035 จีนก็จะก้าวเข้าสู่ความเป็นสังคมปัญญาประดิษฐ์เต็มตัว นี่คือจุดเด่นของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยประชาชนฯของจีน ที่ถึงที่สุดแล้ว ผลพวงของการพัฒนาก้าวหน้าของประเทศสังคม จะตกถึงประชาชนโดยรวมเสมอ มีมาตรฐานการดำเนินชีวิตที่สูงขึ้น สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น จนกลายเป็นต้นแบบของการดำเนินชีวิตยุคใหม่…” https://youtu.be/q2kaMapeb6E รวมศูนย์กำลังทำเรื่องใหญ่อีกแล้ว 再次集中力量办大事 ผู้เขียนได้นำเสนอแนวคิดการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยด้วยอำนาจประชาชน ว่าถึงที่สุดแล้วประชาชนชาวไทยจะสามารถยกระดับตัวเองครั้งใหญ่ ขึ้นสู่ระดับ"รวมศูนย์กำลังทำเรื่องใหญ่" ได้สำเร็จอย่างแน่นอน เพราะสังคมโลกยุคใหม่ที่มีจีนนำ ให้คำตอบแล้วว่าอำนาจกำหนดการขับเคลื่อนสังคม ไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองรอบด้าน ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขถ้วนหน้า ถึงที่สุดแล้วจะต้องอยู่ในมือของประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยมีระบอบประชาธิปไตยประชาชนตลอดกระบวนการ(全过程人民民主)ของจีนเป็นต้นแบบ ของไทยเราก็คือ"ระบอบประชาธิปไตยประชาชนอัตลักษณ์ไทย" (泰国特色人民民主) ด้วยอำนาจกำหนดเช่นนี้ ประเทศจึงจะทำงานใหญ่ได้สำเร็จ บรรลุเป้าหมายยาวไกลที่ตั้งไว้ได้จริง...

Enjoy exclusive access to all of our content

Get an online subscription and you can unlock any article you come across.