วันที่ 20 พ.ค.65 เวลา16.00น. นางวิจิตรา แก้วบ่ออายุ 41ปี เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท นิติภูมิ บุตรวงค์ รอง.ผกก สอบสวน ส.ภ.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังตกเป็นเหยื่อแก๊งค์ คอลเซ็นเตอร์ แต่งกายเป็นชุดตำรวจ วีดีโอคอล ก่อนหลอกล่อให้โอนเงินจำนวน 7000 บาทไป
นางวิจิตรา แก้วบ่ออายุ 41ปี เปิดใจกับทีมข่าวว่าเหตุเกิดเมื่อช่วงเช้า ขณะที่ตนเองพักอยู่ในห้อง มีเบอร์โทรศัพท์โทรเข้ามาที่มือถือ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่โทรคมนาคม พร้อมกับอ้างว่าตนเองมีส่วนพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมาย ทำให้ตนเองรู้สึกกังวลมาก จากนั้นก็ได้โอนสายให้วิดิโอคอลคุยกับคนที่อ้างว่าเป็น ร.ต.ท.กรประเสริฐ พิชญเดชา เจ้าหน้าที่ สภ.พะเยา จึงยิ่งทำให้ตนเองรู้สึกหวาดกลัว เนื่องจากนายตำรวจมีการแต่งเครื่องแบบเต็มยศ และให้เปิดเผยบัญชี และห้ามปกปิดไม่อย่างนั้นจะถูกดำเนินคดี
โดยให้มีการโอนเงินทั้งหมดไปให้ตำรวจตรวจสอบด้วยความสุจริต หากไม่พบว่ามีความผิดก็จะโอนเงินกลับให้ และย้ำว่าห้ามบอกเรื่องดังกล่าวกับคนใกล้ชิด ทำให้ตนเองหลงเชื่อ และโอนเงินไปยังบัญชี นายธนากรณ์ เมฆกำพล ธนาคาร กสิกรไทย จำนวน 7,000บาท จากนั้นมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นตำรวจได้บอกว่าเงินยังไม่เพียงพอ ด้วยความกลัวและกังวลจึงตอบไปว่าเดียวจะนำทองที่มีไปจำนำเพิ่ม ก่อนจะรีบเดินทางไปที่ร้านทองแห่งหนึ่งในเขตเมืองพัทยา แต่ปรากฏว่าเจ้าของร้านทองไม่ให้จำนำ เพราะตนเองได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นไป หลังจากนั้นเจ้าของร้านทองจึงขอคุยสายกับมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นตำรวจ จึงไดรู้ว่าถูกหลอก ก่อนจะรีบเดินทางเข้าแจ้งความดังกล่าว
ขณะเดียวกันผู้เสียหาย ยอมรับว่า เงินก้อนดังกล่าวเป็นเงินที่พึ่งได้จากลูกค้าที่เช่าห้อง กว่าจะได้มาก็นานเพราะลูกค้าแต่ละห้อง จะขอเลื่อนนัดบ่อยด้วยพิษโควิด-19 หากไม่ถูกหลอกจะนเงินไปจ่ายเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ในเดือนที่จะถึงนี้ แต่เป็นเพราะด้วยความตกใจและกังวล ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็มีการติดตามข่าวมาโดยตลอดถึงพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และตนเองไม่เคยต้องคดี แต่ด้วยความกลัวทำให้ตกเป็นเหยื่อ
จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุกับประชาชนรายอื่นต่อไป.ภาพ/ข่าว อติชาตสุขยืนผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำเมืองพัทยา