กรุงเทพมหานคร – เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 ก.ค. 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปราม พร้อมคณะ ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาขบวนการสวมบัตรประชาชนไทยจำนวน 9 ราย จากทั้งหมด 12 รายตามหมายจับศาลอาญา โดยแบ่งเป็นผู้สวมบัตร 2 ราย และผู้ร่วมขบวนการที่รับรองข้อมูลอันเป็นเท็จอีก 7 ราย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 ราย
เปิดโปงขบวนการสวมบัตรประชาชนผ่านโซเชียลมีเดียจีนการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเบาะแสที่ตำรวจได้รับเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการโฆษณารับจัดทำบัตรประชาชนไทยบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน “เสี่ยวหงษ์ชู (XHS)” โดยมีการโพสต์ภาพตัวอย่างบัตรประชาชนพร้อมข้อความชักชวนให้ใช้บริการ
เจ้าหน้าที่สืบสวน กก.2 บก.ป. ได้ตรวจสอบและพบว่าบัตรที่ปรากฏในภาพเป็นของ “นายสมบูรณ์ วรรณสารคีรี” ซึ่งต่อมาสืบทราบว่าแท้จริงคือ Mr.Kyar Htaw หรือ นายจา ตอ สัญชาติเมียนมา อายุ 25 ปี ผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนในประเทศไทย แต่กลับสามารถทำบัตรประชาชนได้ที่เทศบาลแห่งหนึ่งย่านรังสิต โดยใช้เอกสารปลอมและการรับรองเท็จจากบุคคลในขบวนการ ขยายผลพบผู้สวมบัตรรายที่สองและผู้ร่วมขบวนการ
จากการขยายผล เจ้าหน้าที่พบผู้ต้องหาสวมบัตรรายที่สองคือ นายเป่าฉั่นฯ อายุ 25 ปี ซึ่งแอบอ้างเป็น “นายวีรพล จะลอ” โดยใช้วิธีการคล้ายกัน คือใช้เอกสารเท็จและมีผู้ร่วมขบวนการให้การรับรองเพื่อให้ได้รับบัตรประชาชน ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 12 ราย พร้อมหมายค้น 10 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 2 จุด, ปทุมธานี 2 จุด, อุตรดิตถ์ 1 จุด, สมุทรปราการ 2 จุด, แม่ฮ่องสอน 1 จุด, ตาก 1 จุด และภูเก็ต 1 จุด
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา ชุดจับกุมได้ลงพื้นที่พร้อมหมายค้นและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 9 ราย พร้อมตรวจยึดพยานหลักฐานจำนวนหนึ่ง นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้ต้องหาบางรายให้การรับสารภาพ ขณะที่บางรายยังคงให้การปฏิเสธ แจ้งข้อหาหนัก เตรียมขยายผลหาผู้บงการใหญ่
ผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาในความผิดฐาน “แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานฯ, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน และยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ใช้หรือแสดงบัตรอันเกิดจากการกระทำความผิด”
พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ส่วนใหญ่เป็นชาวเขา ชาวจีน และชาวเมียนมา ซึ่งถือเป็นการดำเนินการ “เบื้องต้น” เพื่อเปิดทางสู่การขยายผลเชิงลึก และเชื่อว่ายังมีผู้เกี่ยวข้องที่หลุดรอดอีกจำนวนมาก “หัวหน้าขบวนการที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนไทย และยังอยู่ระหว่างการขยายผล ซึ่งหากสืบสวนไปจนสุดทาง อาจพบบุคคลที่มีอิทธิพลหรือมีตำแหน่งใหญ่กว่านี้อยู่เบื้องหลัง” พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวย้ำ
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงประเด็น “กลุ่มทุนจีน” ที่อาจหนุนหลังขบวนการนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ระบุว่า ปัจจุบันยังไม่พบพยานหลักฐานยืนยันในส่วนนี้อย่างแน่ชัด แต่ยอมรับว่า “กลุ่มบุคคลเชื้อสายจีนมีความเคลื่อนไหวในลักษณะนี้มาโดยตลอด” ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ต้องการบัตรประชาชนไทยคือการได้รับสิทธิในฐานะพลเมืองไทย สามารถทำธุรกรรม, การเดินทาง หรือถือครองทรัพย์สินได้อย่างเสรี เทียบเท่าคนไทยโดยชอบ ย้ำ! หากพบเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยว ดำเนินคดีเด็ดขาด ไม่ละเว้น
สำหรับประเด็นที่ว่ามี เจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้หรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวย้ำว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่ามีข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนร่วม จะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดโดยไม่ละเว้น “ทุกอย่างต้องดำเนินไปตามพยานหลักฐาน ถ้าพบว่าใครเกี่ยวข้อง ไม่ว่าภาครัฐหรือเอกชน ก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน” ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกล่าว นอกจากนี้ ยังพบว่ามีบางกรณีที่ ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเจ้าของชื่อบนบัตรจริง ได้รับส่วนแบ่งจากกระบวนการปลอมแปลงเอกสารและสวมสิทธิบัตรประชาชน ซึ่งจะถือว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการด้วย
ขณะนี้ตำรวจสอบสวนกลางอยู่ระหว่างประสานงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการขยายผล เพื่อตรวจหาความผิดปกติอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการสวมบัตรดังกล่าว
ตำรวจสอบสวนกลางยืนยันจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 ราย ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้รับรองข้อมูล เพื่อยุติขบวนการสวมบัตรเถื่อนทั้งหมด พร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหรือร่วมกระทำการในลักษณะนี้ เนื่องจากมีความผิดร้ายแรงตามกฎหมาย



