วันจันทร์, กรกฎาคม 28, 2025
หน้าแรกการเมืองจาก “ทหารมีไว้ทำไม” ถึง “สนามตะกร้อ”

Related Posts

จาก “ทหารมีไว้ทำไม” ถึง “สนามตะกร้อ”

วาทกรรมลวงโลกที่พ่ายแพ้ต่อเลือดและเสียงปืน

เมื่อไฟสงครามปะทุขึ้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา เสียงปืนใหญ่และจรวด BM‑21 ถล่มหมู่บ้าน ชายแดนกลายเป็นสมรภูมิเลือด กำแพงธุรกิจล้มเหลว และภาพผู้คนหนีตายแทนที่วาทกรรมชื่อดังของนักการเมือง

วาทกรรมก่อนสงคราม: ว่าเล่นหรือว่าคิดไม่ถึง?

ก่อนการสู้รบจะเริ่ม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคได้ออกคำถามสะท้อนความเชื่อถึงระบบความมั่นคงว่า

“ทหารมีไว้ทำไม?”
“ประเทศที่อยู่ใกล้กัน เขาไม่ทะเลาะกันแล้ว”

ด้วยบุคลิกเหมือนพระเอกลิเกบนเวทีหาเสียง คำถามเหล่านี้ได้รับเสียงปรบมือ แต่กลับไม่สะท้อนภารกิจแท้จริงของทหาร ที่ต้องเฝ้าชายแดนทุกวัน

ไม่นานหลังนั้น เมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับไทยและออกจากโรงพยาบาลชั้น 14 เขาให้สัมภาษณ์ว่า

“แทนที่จะยิงกัน ก็เตะตะกร้อกันดีกว่า”

ฟังดูเหมือนมุกเพื่อคลายตึงเครียด แต่เมื่อเสียงระเบิดเริ่มลั่นเหนือลูกบอล วาทะของท่านก็กลายเป็นภาพลวงตาที่ไม่มีชีวิตในสนามรบจริง

คลิปเสียง, ความไม่พอใจ, และคำเตือน

สถานการณ์บานปลายเมื่อ ฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา ปล่อยคลิปเสียงสนทนากับ แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หญิงของไทย ซึ่งมีถ้อยคำที่สะท้อนความไม่พอใจต่อบางเหตุการณ์ โดยเฉพาะคำพูดที่ถูกตีความว่า “ไม่ให้เกียรตินายกฯ ฮุน มาเนต” ลูกของตน

หลังคลิปเสียงเผยแพร่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้สัมภาษณ์กับสื่อแนวหน้าโดยตรงว่า

“ก็ต้องไปถามมัน… ไอ้ทักษิณกับไอ้ฮุนเซนมันมีอะไรกัน มันทำเรื่องผลประโยชน์อะไรกัน ต้องไปถามมัน… ลูกสาวเนี่ยไปดูถูกฮุน มาเนต ว่าไม่เป็น professional…”

คำตอบดังกล่าวสะท้อนเบื้องลึกที่มักไม่ถูกเผยแพร่ในสื่อหลัก

แพทองธารแจงเหตุขัดแย้ง: ปมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ต่อมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังการสู้รบว่า ฝ่ายกัมพูชา โกรธที่ไทยร่วมกับลาวและเมียนมา ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด ซึ่งกระทบผลประโยชน์ภายในประเทศของเขา และเป็นชนวนให้ฝ่ายนั้น “ยิงใส่ไทยก่อน”

เธอเน้นว่าไทยไม่เคยเริ่มก่อน และยืนยันว่าความขัดแย้งนี้ไม่ใช่ปัญหา “สองครอบครัว” ทว่าเป็นผลจากเหตุการณ์ที่มันถูกมองข้าม และถูกใช้เป็นชนวนสร้างความขัดแย้งระหว่างรัฐ

ไฟสงครามปะทุ รัฐบาลขยับ: การเจรจาหยุดยิงอยู่ในมือ

เมื่อถึงจุดความรุนแรงถึงขีดสุด รัฐบาลไทยได้รับคำเชิญจาก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย (ในฐานะประธานอาเซียน) ให้ไปหารือหยุดยิง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 28 กรกฎาคม โดยมีคณะผู้แทนรวมทั้ง

  • นายภูมิธรรม เวชยชัย (รักษาการนายกฯ)
  • นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ (รมว.ต่างประเทศ)
  • พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ (รมช.กลาโหม)
  • นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช (เลขาฯ นายกฯ)
  • นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ (โฆษกรัฐบาล)

ฝ่ายกัมพูชานำโดย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี โดยทั้งสองฝ่ายยืนยันไม่ยอมถอยเรื่องอธิปไตย และปกป้องเสถียรภาพรัฐ

ข้อเสนอหยุดยิงจากภาคประชาชน

หลายฝ่ายเรียกร้องหยุดยิงอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมข้อเสนอสำคัญซึ่งรวมถึง:

  1. ให้ ฮุน เซน เปิดเผยหลักฐานเกี่ยวกับ “คนขายชาติ” เพื่อสร้างความชัดเจนต่อสาธารณชนไทย
  2. ให้ ยืนยันว่าไม่สมคบกับนักการเมืองไทย ในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรพลังงานในอ่าวไทย
  3. ให้ ตรึงกำลังทหารทั้งสองฝ่าย ณ พิกัดเดิมวันที่หยุดยิง เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแนวเส้นแบ่ง
  4. ให้ ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน บ้านเรือน โรงพยาบาล และโรงเรียนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ

บทเรียนของวัน: คำพูดที่ไร้น้ำหนักกับชีวิตจริง

คำพูดของพิธาและทักษิณ เมื่อเทียบกับภาพสนามรบจริง กลายเป็นเพียงเสียงสะท้อนในห้องปราศรัย—ไม่มีคุณค่าเมื่อเทียบกับชีวิตและความเสียหายของผู้คน

ทหารที่ยืนอยู่แนวหน้าไม่ต้องถามว่า “ทหารมีไว้ทำไม” เพราะพวกเขารู้คำตอบดี…

สนามรบไม่ใช่สนามตะกร้อ และวาทกรรมเบาหวิวไม่มีวันชนะความจริง

#สืบจากข่าว รายงาน

บทความก่อนหน้านี้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts