“รัฐบาลไทยต้องเข้าใจยุทธศาสตร์ความมั่นคงในการปกป้องอธิปไตย ชัยชนะมันขึ้นอยู่กับยุทธวิธี กระสุนไม่ได้ถามว่าคุณชื่ออะไร แล้วจะปล่อยคุณ พลาดคือตาย ช่วงที่ผมอยู่ชายแดนไทยกัมพูชา สู้รบกันดุเดือดมาก ผมอยู่ข้างหน้าตลอด ไม่เคยอยู่หลังลูกน้อง ความความตรึงเครียดไทย-กัมพูชา มีมาต่อเนื่อง แต่ที่ยืนระยะอยู่ได้ เพราะความเข้มแข็งของทหาร ตอนนี้ทหารก็เข้มแข็ง แต่รัฐบาลอ่อนแอ เลยเป็นแบบนี้ ขณะที่การเจรจาที่ต้องมีจุดยืนของประเทศ”
………………………………………………………………………………………………….
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตผู้บัญชาการทหารบก ส่งสารถึงกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ว่า “แม้จะอยู่ท่ามกลางเสียงปืนและความตึงเครียดในสมรภูมิรบ แต่เพื่อนทหารไทยยังยืนหยัดต่อสู้ใต้ผืนธงไตรรงค์ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ด้วยหัวใจของทหารไทยที่ยอมตายเพื่อชาติ”
พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า กำลังพลตามแนวชายแดน คือแนวหน้าในการปกป้องเอกราชของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สถานการณ์ในพื้นที่ มีความเปราะบาง และจำเป็นต้องใช้สติ ปัญญา ความกล้าหาญ และความเสียสละสูงสุด เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลาม ทหารไทยทุกนาย คือผู้แบกรับศักดิ์ศรีของชาติ เป็นปราการสุดท้ายของแผ่นดิน ปฏิบัติภารกิจด้วยเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และหัวใจที่ยิ่งใหญ่
พล.อ.ประวิตร หรือ บิ๊กป้อม ถือเป็นทหารที่ชำนาญการรบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะหลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ได้เข้ารับตำแหน่งนายทหารฝ่ายยุทธการ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ โดยเข้าปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศ พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดปราจีนบุรีหรือจังหวัดสระแก้วในปัจจุบัน ตั้งแต่ปี 2522 ถึงปี 2540
ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม ผู้บัญชาการกองพล และผู้จัดการกองกำลังบูรพา ได้นำหน่วยเข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้าม และมีบางครั้งที่ต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์การคับขันและเสี่ยงภัย เช่น ยุทธการบ้านหนองปรือ ยุทธการโนนหมากมุ่น เหตุการณ์บ้านหนองเอี่ยน เหตุการณ์บ้านโอบายเจือน เป็นต้น
บิ๊กป้อม เคยกล่าวถึงสถานการณ์ในช่วงนั้นว่า ทุกพื้นที่ ไม่มีใครเก่งหรือใครไม่เก่ง พลาดไปก็คือตาย ผมยืนยันได้ มันขึ้นอยู่กับยุทธวิธี ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้น จะบอกว่าตรงนั้นหนัก ตรงนี้ไม่หนัก ไม่มี กำลังมาก กำลังน้อย ก็คือตายเหมือนกัน กระสุนไม่ได้ถามว่าคุณชื่ออะไร แล้วจะปล่อยคุณ ช่วงที่ผมอยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา สู้รบกันดุเดือดมาก ผมจะอยู่กับกองร้อยข้างหน้าตลอด ไม่เคยอยู่ข้างหลัง ผมไปกับลูกน้องตลอด เดินเลาะชายแดนตามจุดตรวจ ชีวิตชายแดน มันเป็นอาชีพของเรา และเป็นความภาคภูมิใจของเรา ในการทำงานเพื่อแผ่นดินเกิดอย่างแท้จริง”
บิ๊กป้อมยังเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า เขารู้จักกับฮุนเซน สนิทกับเตียบัญ สัมพันธภาพไทยกับกัมพูชาก่อนหน้านี้ก็มีความตรึงเครียดอยู่บ้าง แต่ที่ยืนระยะอยู่ได้ เพราะความเข้มแข็งของทหาร ตอนนี้ทหารก็เข้มแข็ง แต่ว่ารัฐบาลอ่อนแอ เลยเป็นแบบนี้ การที่จะมาดูแลเรื่องความมั่นคง ต้องรู้หลายมิติ รู้จักคน รู้จักด้านการต่างประเทศที่ดี แต่ล้มเหลวหมด การทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ต้องถือว่าล้มเหลว ไม่เข้าใจเรื่องความมั่นคง และการเจรจาที่ต้องมีจุดยืนของประเทศ