อัยการสูงสุด อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นกรณียกฟ้องผู้ต้องหาร่วมกันทุจริตเปลี่ยนแปลงความเร็วรถในคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา
นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือถึงอัยการสูงสุด แจ้งมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ดำเนินคดีอาญาฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กับพวกรวม 8 คน กรณีร่วมกันเปลี่ยนแปลงความเร็วรถในคดีที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับขี่รถยนต์ชนท้ายรถจักรยานยนต์เป็นเหตุให้ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ถึงแก่ความตาย
โดยอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นจำเลยที่ 1, พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข จำเลยที่ 2, พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี จำเลยที่ 3, นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม จำเลยที่ 4, นายธนิต บัวเขียว จำเลยที่ 5,
นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร จำเลยที่ 6, รองศาสตราจารย์สายประสิทธิ์ เกิดนิยม จำเลยที่ 7 และนายเนตร นาคสุข จำเลยที่ 8 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญากระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ
เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใด มิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญากระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ
ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 157, 200 วรรค 1 มาตรา 13 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 65 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172, 192 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 ซึ่งศาลได้รับไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 131/2567 นั้น
ต่อมาวันที่ 22 เมษายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท 131/2567 คดีหมายเลขแดงที่ อท 18/2568 ลงโทษนายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม จำเลยที่ 4 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และนายเนตร นาคสุข จำเลยที่ 8 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จำเลยที่ 4 จำคุก 2 ปี จำเลยที่ 8 จำคุก 3 ปี ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 แต่ให้หมายขังจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ไว้ระหว่างอุทธรณ์
อัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้ว จึงมีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 อุทธรณ์คำพิพากษาของ
ศาลชั้นต้น ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1, 2, 3, 5, 6 และ 7 ในทุกฐานความผิดตามคำฟ้อง และเห็นชอบที่จะไม่อุทธรณ์จำเลยที่ 4 กับจำเลยที่ 8 โดยให้หารือคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีจะไม่อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 61 และส่งสำนวนคืนให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 เพื่อดำเนินการต่อไป

