ย้อนคำเตือน “สีจิ้นผิง” ก่อนคำตัดสิน “ศาลอุทธรณ์สหรัฐ” ไม่มีใครชนะ “สงครามการค้า”

การขึ้นภาษีของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อาจต้อง “ยกเลิก” ข้อตกลงการค้าที่ทำไว้กับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก จากคำตัดสินของศาลอุทธรณ์สหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ภาษีศุลกากรหลายรายการของทรัมป์ ใช้อำนาจเกินขอบเขต ถือเป็นโมฆะได้

โดยศาลอุทธรณ์กลางของสหรัฐ ได้ตัดสินเมื่อวันศุกร์ (29 ส.ค.) ที่ผ่านมาว่า การที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรกับแทบทุกประเทศคู่ค้า โดยการอ้างอิงกฎหมายอำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉินของสหรัฐ เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต

ขณะที่ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า รัฐบาลของเขา จะขอให้ศาลฎีกากลับคำพิพากษา   เพราะถ้าหากศาลฎีกา ยังคงยืนคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว สหรัฐจะได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล โดยทรัมป์ยังยังเชื่อมั่นว่า รัฐบาลของเขาจะชนะคดีนี้ในชั้นฎีกา

อย่างไรก็ตาม นับเป็นครั้งแรกที่ทรัมป์ออกมายอมรับว่า ข้อตกลงการค้าที่สหรัฐทำกับประเทศคู่ค้า  ทั้งการเจรจาเป็นรายประเทศ รวมทั้งการเพิ่มเงื่อนไขต่างๆ อาจเป็นโมฆะ หากศาลสูงสุด ยืนตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์

แต่ไม่ว่าผลการตัดสินของศาลฎีกาสหรัฐ จะออกมาแบบไหน “สงครามการค้า” ก็เป็นสิ่งที่จะสร้างปัญหาให้กับ “อเมริกา”

หากคำตัดสินของศาลฎีกาเป็นผลบวกต่อทรัมป์ คือการขึ้นภาษีฉุกเฉินสามารถทำได้ ภายใต้อำนาจประธานาธิบดี แต่สิ่งที่จะเกิดตามมาคือ “การค้าพหุภาคี” จะหันไปจับมือกัน ในขั้วอื่นที่ไม่มีสหรัฐ เป็นส่วนร่วม

ดังที่ สีจิ้นผิง ผู้นำจีน เคยเตือน ปธน.ทรัมป์ ว่า “ไม่มีผู้ชนะในสงครามภาษีศุลกากร การสวนกระแสโลกจะนำพาสู่การแยกตัวอย่างโดดเดี่ยว” ซึ่งอาจแปลความหมายได้ว่า การพ่ายแพ้ในสงครามภาษีศุลกากรเป็นเรื่องย่ำแย่ แต่การอยู่อย่าง “โดดเดี่ยว” ย่ำแย่กว่า