วันพฤหัสบดี, กันยายน 11, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมประธาน กสม. มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีขอให้ทบทวนการรื้อฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล จ.เชียงใหม่ แนะพิจารณาทางเลือกอื่นในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เพื่อป้องกันผลกระทบต่อกลุ่มผู้ใช้น้ำและมรดกทางวัฒนธรรม

Related Posts

ประธาน กสม. มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีขอให้ทบทวนการรื้อฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล จ.เชียงใหม่ แนะพิจารณาทางเลือกอื่นในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เพื่อป้องกันผลกระทบต่อกลุ่มผู้ใช้น้ำและมรดกทางวัฒนธรรม

นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากเครือข่ายภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า โครงการรื้อฝายเก่า 3 แห่ง ได้แก่ ฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ภายใต้แผนการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐาน (แม่น้ำปิง) ระยะเร่งด่วน ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ขาดการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้เสีย และจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ความเชื่อ ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับระบบเหมืองฝาย

กสม. ได้ศึกษาสภาพปัญหา ลงพื้นที่ตรวจสอบเหมืองฝายทั้ง 3 แห่ง รวมทั้งจัดประชุมรับฟังข้อเท็จจริง ความเห็น และข้อเสนอแนะจากหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ ตัวแทนผู้ร้องและกลุ่มผู้ใช้น้ำจากเหมืองฝายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 แล้วเห็นว่า เหมืองฝายประกอบด้วยตัวฝายกับลำเหมืองสาขา เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการจัดการน้ำเพื่อการเกษตรของชุมชนล้านนาในภาคเหนือตอนบน ซึ่งบริหารจัดการตามข้อตกลงของสมาชิกเพื่อกระจายน้ำอย่างเป็นธรรม ถือเป็นวิถีวัฒนธรรมและจารีตประเพณีของชุมชนที่ปฏิบัติสืบต่อมาถึงปัจจุบัน โดยในปี 2558 การทำเหมืองฝายได้รับการขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับชาติ แต่กลับไม่ได้รับการอนุรักษ์และฟื้นฟูเท่าที่ควร โดยหลายภาคส่วนมีความเห็นว่า การรุกล้ำลำน้ำปิงในหลายพื้นที่เป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากทำให้การระบายน้ำในช่วงฤดูฝนไม่มีประสิทธิภาพ จึงต้องเร่งแก้ปัญหาในเรื่องนี้ แต่การรื้อหรือปรับปรุงฝายทั้ง 3 แห่งที่มีอายุกว่า 700 ปี ไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ และจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ความเชื่อ ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับเหมืองฝาย รวมถึงจะกระทบต่อประชาชนกลุ่มผู้ใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรมและอุปโภคบริโภคจากลำเหมืองสาขาใน 9 ตำบลของอำเภอเมืองเชียงใหม่ และอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน โดยยังไม่มีมาตรการรองรับผลกระทบดังกล่าวอย่างชัดเจน

โครงการรื้อฝายดังกล่าวยังขาดการรับฟังความเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียอย่างทั่วถึงและเพียงพอ ขาดการเชื่อมโยงการจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่อย่างเป็นระบบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการรื้อหรือปรับปรุงฝายจะกระทบต่อการผันน้ำเข้าลำเหมืองสาขาไปใช้ในพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งหน่วยงานของรัฐควรตรวจสอบสาเหตุของปัญหาน้ำท่วมอย่างรอบด้าน เพื่อนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน รวมถึงควรบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบผ่านการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาว

จากสภาพปัญหาข้างต้น กสม. เห็นว่า การทำเหมืองฝายเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นและมรดกทางวัฒนธรรมระดับชาติ การรื้อหรือปรับปรุงฝายโดยปราศจากข้อมูลสนับสนุนในทุกมิติจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ กลุ่มผู้ใช้น้ำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการรื้อฝาย อาจละเมิดสิทธิของประชาชนและชุมชนซึ่งได้รับการรับรองและคุ้มครองตามมาตรา 43 มาตรา 57 และมาตรา 72 (4) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกอบข้อ 11 และข้อ 15 (1) ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) ที่บัญญัติให้บุคคลและชุมชนมีสิทธิอนุรักษ์ ฟื้นฟู และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นและของชาติ รวมถึงสิทธิในการจัดการและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน ซึ่งประชาชนต้องได้รับข้อมูลที่เพียงพอ และรัฐมีหน้าที่ต้องจัดให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่อาจกระทบต่อวิถีชีวิตของตน รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน

ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม. โดย ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (นางสาวพรประไพ กาญจนรินทร์) จึงมีหนังสือที่ สม 1400/45 เรื่อง ข้อเสนอแนะกรณีการรื้อหรือปรับปรุงฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล (แม่น้ำปิง) จังหวัดเชียงใหม่ ลงวันที่ 4 กันยายน 2568 แจ้งสภาพปัญหากรณีดังกล่าวและข้อเสนอแนะไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอ ครม. พิจารณา และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็วที่สุด สรุปได้ดังนี้

(1) ทบทวนโครงการรื้อฝายเก่าทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล ตามแผนการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐาน (แม่น้ำปิง) ระยะเร่งด่วน โดยมอบหมายให้จังหวัดเชียงใหม่จัดตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนชุมชนผู้ใช้น้ำ ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเชิงระบบในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาว โดยเฉพาะพิจารณาทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการรื้อหรือปรับปรุงฝายทั้ง 3 แห่ง เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับเหมืองฝายที่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับชาติ รวมถึงกำหนดมาตรการการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน ยั่งยืน และเป็นธรรม เพื่อป้องกันมิให้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ใช้น้ำในลำเหมืองสาขาและประชาชนในพื้นที่

และ (2) มอบหมายกระทรวงคมนาคมโดยกรมเจ้าท่า ประสานกรมที่ดิน จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งแก้ไขปัญหาการรุกล้ำลำน้ำปิงที่เป็นสาเหตุสำคัญของน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งขยายขนาดความกว้างของลำน้ำให้สามารถรองรับการไหลของน้ำในฤดูฝน ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐในพื้นที่ได้สำรวจและจัดทำแผนที่การรุกล้ำไว้แล้ว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts