พระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง ส่งทนายความเข้ายื่นเอกสารชี้แจงต่อตำรวจ บก.ปปป. (กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ) กรณีถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินวัด โดยยืนยันว่าเป็นเรื่องเก่าที่เคยมีการดำเนินคดีมาแล้วตั้งแต่ปี 2555-2559 และอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง ได้เข้ายื่นหนังสือและเอกสารหลักฐานต่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการ บก.ปปป. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่พระคึกฤทธิ์ถูกร้องเรียนเรื่องการนำเงินวัดไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า ได้รับเอกสารชี้แจงจากทนายความของวัดแล้ว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นคาดว่าปัญหาความขัดแย้งระหว่างพระคึกฤทธิ์กับ “สีกาพลอยที่เยอรมนี” น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ถูกโอนจากวัดไปยังมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีจำนวน 12.2 ล้านบาทนั้น กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ หากพบว่าเงินบริจาคของวัดมีการกระทำผิด ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังเปิดเผยว่า สีกาพลอย ที่เยอรมนี จะเดินทางกลับมาประเทศไทย และได้นัดหมายเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 2 ตุลาคม นี้ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น
สำหรับเอกสารที่ทนายความยื่นต่อ พงส.บก. ปปป. ระบุว่า ข่าวที่ว่าพระคึกฤทธิ์ยักยอกเงินวัดในช่วงปี 2555-2559 นั้นไม่เป็นความจริง โดยในช่วงเวลาดังกล่าว พระคึกฤทธิ์ได้นำเงินบริจาคไปใช้ในโครงการเผยแผ่และพัฒนาวัด 4 โครงการหลัก ได้แก่
1.โครงการกองทุนผ้าป่า เพื่อซื้อและพัฒนาที่ดินข้างวัด 2.โครงการเผยแผ่ธรรม ด้วยการจัดพิมพ์หนังสือ 3.โครงการประชุมธรรมนานาชาติ ทั้งในอินเดียและไทย 4.โครงการปรับปรุงก่อสร้าง กุฏิและวิหารภายในวัด
เอกสารดังกล่าวระบุว่า โครงการทั้งหมดได้ดำเนินการเสร็จสิ้นตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค และประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่า “ฉ้อโกงประชาชน” หรือยักยอกเงินนั้น เคยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว โดยพนักงานอัยการมีคำสั่ง “ไม่ฟ้อง” และผู้ร้องเรียนเองก็ยอมรับว่าเป็นการเข้าใจผิด
เอกสารหลักฐานที่ทนายนำมามอบให้ตำรวจ บก.ปปป. ประกอบด้วยหลักฐานการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของวัด และหนังสือจากอัยการที่เคยมีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าวในอดีต



